Course : AG02(02) Farmer Potential Development Project in the 4.0 Era and Upgrading OTOP Product Standards Project to upgrade the economy and society by integrated sub-district university to sub-district to create a glass root for the country Buriram Rajabhat University Activities for November 2021

Written by Mr. Arthit Kamuntara, OPDC worker, Faculty of Agricultural Technology
On October 26, 2021, Na Pho sub-district workers In the project to enhance the economy and society by integrated sub-district (1 sub-district, 1 university), Buriram Rajabhat University
Attend a training course on the importance of using Thai herbs, Thai wisdom and health care. Guidelines for producing products from herbal products, Thai traditional massage and making Thai herbal compress balls. Which was honored as a speaker Ajarn Oran Chukiatsakul at the learning center of the science and art of Thai wisdom and health care Give lectures and practice this time. This makes workers aware, gaining knowledge and gaining skills related to the use of herbs that will be useful in creative work as well as building skills to be community leaders in the future.
Kanok Art Thai Silk Shop, Ban Nong Wa, Village No. 11, Na Pho Subdistrict, Na Pho District, Buriram Province
Examples of high-grossing silk pattern names
– Red sarong cloth with golden Naga pattern Price 4,500-10,000
– Red sarong with a heavenly pattern Price3,500-4,000
– Red sarong with swan pattern in gold Price3,300-3,800
– ผ้าซิ่นตีนแดงลายนกยูงลงทอง ราคา3,300-3,800
– ผ้าซิ่นตีนแดงลายนกลงทอง ราคา3,300-3,800

การลงทองผ้าไหม คือ การเพิ่มมูลค่าผ้าไหมมัดหมี่ธรรมดาทำให้ลายมีความโดดเด่น ซึ่งใช้ทองคำเปลวบดละเอียดผสมกาวยางพาราเคมีแบบดี ซึ่งราคาทองอยู่ที่กิโลละ1,000บาท และการลงทองแต่ละครั้งนั้น ใช้เวลา 1 ผืน ต่อ 1 วัน ราคาผืนละ 700 บาท

ผ้ามัดหมี่ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
– มัดหมี่ธรรมดา เดิมนิยมทอเป็นผ้าซิ่น เน้นการเพิ่มลวดลายที่ตีนซิ่นให้สวยงาม ปัจจุบันมีผู้นิยมนำผ้ามัดหมี่ไปตัดเป็นเสื้อผู้ชายและผู้หญิง การมัดหมี่จึงนิยมมัดเชิงทั้ง 2 ด้านเหมือนกัน เพื่อประโยชน์ในการใช้สอยได้อย่างเต็มที่
– มัดหมี่ตีนแดง หรือชาวบ้านเรียกว่า ซิ่นตีนแดง หรือ ซิ่นหมี่รวด เป็นผ้าเอกลักษณ์ท้องถิ่นของชาวนาโพธิ์ พุทไธสง (อำเภอนาโพธิ์เดิมขึ้นกับอำเภอพุทไธสง) ไม่มีในท้องถิ่นอื่น หัวซิ่นและตีนซิ่นจะย้อมเป็นสีแดง ตรงกลางเป็นพื้นดำ มัดหมี่เล่นสีเหลือง แดง ขาว มีเขียวปนบ้าง ลายที่ทอส่วนใหญ่เป็นลายเก่าดั้งเดิม การทำซิ่นตีนแดงมีความยุ่งยากกว่ามัดหมี่ชนิดอื่นจึงไม่ค่อยนิยมทำกันและเกือบจะสูญหายไป แต่ได้มีการนำซิ่นชนิดนี้ไปแสดงในงานนิทรรศการสมบัติอีสานใต้ ครั้งที่ 2 และทางมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ได้ใช้ซิ่นชนิดนี้สำหรับนักแสดงนาฏศิลป์ตั้งแต่นั้นมา และมีการร่วมรณรงค์ให้หันมาผลิตและใช้แต่งกายในงานประเพณีสำคัญ เช่น บุญบั้งไฟ และลอยกระทง อีกครั้ง จึงทำให้ซิ่นตีนแดงกลับมาเป็นที่นิยมและสร้างรายได้ให้กับชุมชนนาโพธิ์อย่างงดงาม
– มัดหมี่คั่นข้อ ชาวบ้านเรียก ซิ่นคั่น เป็นการทอมัดหมี่ลายเล็ก ๆ สลับกับไหมสี หรือ ไหมควบ นิยมทำลายนกน้อย นาคน้อย กีบบักบก ลายโคมต่าง ๆ นิยมใช้ในหมู่ผู้หญิงสูงอายุ (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2544 : 215-218)
ลายและต้นแบบต่าง ๆ ของมัดหมี่มีดังนี้
ลายบักจับ (กระจับ) ต้นแบบมาจากฝักของกระจับที่ขึ้นในน้ำ
ลายโคมห้า ลายโคมเจ็ด ลายโคมเก้า ลายโคมสิบเอ็ด ลายโคมสิบสาม ลายโคมสิบเก้า ลายโคมต่าง ๆ เหล่านี้ ต้นแบบมาจากโคมที่ชาวอีสานนิยมปล่อย หรือจุดเวลาออกพรรษา เช่น มัดหมี่ห้าลำ เรียกว่า มัดหมี่เจ็ดลำ เรียกว่า โคมเจ็ด เป็นการเรียกตามมัดหมี่ที่มัด
นอกจากนี้ยังมีลายดอกแก้วหรือลายหน้าเสือ มีต้นแบบมาจากต้นดอกแก้วหรือส่วนหน้าของเสือ ลายแมงสีเสียด เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อาศัยในน้ำ ตัวเล็ก มีปีก ชาวบ้านนิยมจับไปทำอาหาร ลายขอก่องข้าว ต้นแบบมาจากขอที่ใช้แขวนก่องข้าวในสมัยโบราณ ด้านบนใช้เชือกผูกแขวนไว้กับหลังคาห้องครัว ด้านล่างใช้แขวนก่องข้าว
ลายแมงมุม ลายกอตะไคร้ ลายขาเปีย ต้นแบบมาจากขาเปียซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการกรอฝ้ายออกจากไนที่ใช้ในสมัยโบราณ
ลายงูเหลือม ลายขอแคม้า ต้นแบบมาจากแคม้า แคม้า เป็นคำภาษาถิ่นอีสาน ใช้เรียก บังเหียนม้า ลายกีบบักบก ต้นแบบมาจากเมล็ดต้นจบกเวลาผ่าซีก
ลายเอี้ยเยี่ยวควายหรือลายง่องแง่งเยี่ยวควาย ต้นแบบมีที่มาจากรอยควายตัวผู้เดินเยี่ยว เป็นลายทางขวางนิยมทอเป็นหมี่ซิ่นคั่นข้อ โดยใช้ลายกีบบักบกประกอบ
ลายนาคเกี้ยว ต้นแบบมาจากบันไดโบสถ์หรือบันได้วัดในสมัยโบราณ ซึ่งมักประดิษฐ์เป็นรูปตัวนาค โดยหางนาคจะทอดลงมาจากตัวโบสถ์ หัวนาคจะอยู่บันไดขั้นสุดท้ายของวัดหรือโบสถ์ เป็นต้น
ทักษะฝีมือเชิงช่าง อนุรักษ์ และสืบสาน รักษาคุณค่าภูมิปัญญา ศูนย์หัตถกรรมเรียนรู้การตีเหล็ก ถ่ายทอดส่งต่อสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน คนรุ่นหลัง ให้ช่วยกันสืบสานรักษาต่อไป บ้านหนองต่อ หมู่ที่ 8 ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์
การตีเหล็ก ศูนย์หัตถกรรมเรียนรู้การตีเหล็ก ตำบลนาโพธิ์
ประโยชน์ของการตีเหล็ก

1. เพื่อทำเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการทำไร่ ทำสวน

2. เพื่อทำการซ่อมเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการทำไร่ทำสวน เมื่อชำรุด เสียหาย

อุปกรณ์ที่ใช้ในการตีเหล็ก

1. เหล็ก 2. ที่เป่าลม 3. คีมจับเหล็ก 4. ค้อนตีเหล็ก 5. ที่เจียเหล็ก 6. ฐานตีเหล็ก 7. อ่างใส่น้ำ 8. มีดสำหรับผ่าเหล็ก 9. ถ่าน

วิธีการตีเหล็ก

1. ติดไฟให้ร้อนโดยการดึงเครื่องเป่าลม

2. นำเหล็กเผาไฟให้ร้อนจนแดง เพื่อให้เหล็กอ่อนตัว

3. ถ้าเหล็กใหญ่มากก็ผ่าให้มีขนาดตามต้องการ

4. นำไปเผาไฟอีกครั้งจนเหล็กแดง

5. นำเหล็กที่เผาจนแดงได้ที่มาตีเป็นเครื่องมือต่างๆ

6. เมื่อได้เป็นเครื่องมือแล้วเอามีดขัดให้บาง

7.  Bring it to the fire to make it red again, moistened with water to increase its sharpness.
 (In blacksmithing, there must be at least 3 assistants  , but if it is the main job or important tasks Li will do it herself, for example. water plating process, forging steel)

Learning Center for Sustainable Community Development by Nong Ang Pao Cricket Farm, Ban Nong Wa, Moo 11
www.facebook.com/BuriRam.NoPho/videos/580301919912123
Research and exchange information within the community.
 

Tags: ,

อื่นๆ

เมนู