การระบาดไปทั่วในวงกว้างของโรค COVIT-19 และวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์นี้ทำให้เกิดความท้าทายใหญ่หลวงในระดับโลกและระดับท้องถิ่นเป็นผลกระทบทางสุขภาพรวมไปถึงระบบเศรษฐกิจและสังคมเกิดขึ้นกับกลุ่มคนทุกกลุ่มและทำลายกลุ่มประชากรที่เปราะบางมากที่สุด ซึ่งรวมถึง คนยากจน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เยาวชน และกลุ่มคนชาติพันธุ์ วิกฤตโลกในครั้งนี้ต้องการการประสานงานความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและนโยบายทางเศรษฐกิจ สังคมและสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ เพราะสาเหตุนี้เราจึงได้มีการจัดอบรมเกี่ยวกับการป้องกัน COVIT-19 ให้กับชาวบ้านในชุมชน
ในแผนการประชุมในครั้งนี้อาจารย์ผู้ดูแลได้ให้มีการจัดอบรมเกี่ยวกับการป้องกันโรค COVIT-19 ให้กับชาวบ้านตำบลดอนกอก อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ในวันที่ 3 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา และได้จัดหาวิทยากรที่มีความรู้ในเรื่อง COVIT-19 มาให้ความรู้แก่ประชาชน แต่การนัดประชุมในครั้งนี้ ผู้ปฏิบัติงานบางคนอยู่นอกเขตจังหวัดจึงไม่สามารถไปปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะในพื้นที่ของอำเภอนาโพธิ์ได้มีการคัดกรองผู้ที่เข้าและออกจากตัวอำเภออย่างเคร่งครัด แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ในพื้นที่ก็ดำเนินงานอย่างราบรื่น ส่วนด้านชาวบ้านในชุมชนก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และสิ่งที่วิทยากรพูดนั้นสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันและกรณีฉุกเฉิน อย่าเช่น พูดถึงอาการของไวรัส COVIT-19 ที่สังเกตได้ง่ายๆด้วยตัวเองคือจะมีไข้สูงรู้สึกเจ็บคอไอแห้งๆมีน้ำมูกไหลและหายใจเหนื่อยหอบง่าย
ส่วนวิธีป้องกัน COVIT-19 นั้นมีดังนี้
- ล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ 70%
- รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากผู้ที่ไอหรือจาม ประมาณ 2 เมตร
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเว้นระยะห่างไม่ได้
- ไม่ใช้มือสัมผัสตา จมูก หรือปาก
- เมื่อไอหรือจาม ให้ปิดจมูกและปากด้วยข้อพับด้านในข้อศอกหรือกระดาษชำระ จากนั้นทิ้งกระดาษชำระในถังขยะมีฝาปิด
- เก็บตัวอยู่บ้านเมื่อรู้สึกไม่สบาย
- หากมีไข้ ไอ และหายใจลำบากโปรดไปพบแพทย์
ถึงแม้ว่าโรค COVIT-19 จะมีวัคซีนป้องกันเชื้อ แต่ก็ไม่ได้ว่าจะไม่ติดเชื้อ เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนควรดูแลตัวเองและปฏิบัติตามกฎของกระทรวงสาธารณะสุข ที่ให้คำแนะนำเป็นอย่าดี อย่างไรก็ตามหน้ากากอนามัยเพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ จึงควรรักษาระยะห่างและหมั่นล้างมือบ่อยๆ ร่วมด้วย