สวัสดีครับ ผมนายพีรพัฒน์ โชขุนทด เป็นนักศึกษามหาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ วันนี้เจอกันอีกแล้วสำหรับ บทความที่ 10 ต่อจากเดือนที่แล้วกันนะครับ สำหรับบทความเดือนนี้จะเป็น เหตุการณ์ ต่อเนื่องจากบทความ ที่ 9 ของผม คือ เดือนนี้ผมก็ยังไม้ได้ลงพื้นที่เป็นจริงเป็นจังอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุการณ์โควิด 19 นะครับ แต่เพราะผมเปิดเทอมแล้ว เข้าสู่การเรียนอย่างเต็มระบบทำให้ ผมต้องมารับหน้าที่การทำงานแบบระยะไกลแทน แต่ผมก็ได้ลงพื้นที่เพื่อเข้าร่วมการจัดอบรมโดยได้ทำหน้าที่เป็นช่างภาพที่ถ่ายไม่ค่อยชัดเพราะว่ามือใหม่หัดถ่ายครับโดยการอบรมครั้งนี้มีหัวข้อคือ การเลี้ยงกุ้งฝอย โดยมีการให้ความรู้แบบขั้นต้นเพื่อนำไปต่อยอด ผมจะขอยกอ้างอิงข้อมูลนะครับ เพราะผมก็จำได้ไม่ค่อยแม่น เกรงว่าจะให้ข้อมูลแก่ท่านผู้อ่านผิดพลาดครับ
นำลูกกุ้งที่ อนุบาล มาแล้วประมาณ 1 เดือน ปล่อยลงในบ่อ อัตรา 30,000-50,000 ตัว เลี้ยงประมาณ 2 เดือน ก็สามารถ จับขายได้ มีอัตรารอด 80% ที่สำคัญการเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ควรช่วยการหายใจด้วยระบบการเติมออกซิเจนด้วยวิธีการเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อพลาสติก หลังจากให้อาหารประมาณ 1 เดือน กุ้งจะวางไข่ ให้สังเกตตอนกลางคืนโดยการนำไฟฉายมาส่องดุว่ากุ้งจะวางไข่หรือไม่ เทคนิค การเร่งกุ้งให้วางไข่ ให้นำสายยางน้ำประปามาเปิดลงในบ่อ โดยการเปิดแรงๆ ประมาณ 10-20 นาที เพราะ กุ้งชอบเล่นน้ำไหล แล้วจะดีดตัวทำให้ไข่ตกลงมา (ธรรมชาติน้ำนิ่งกุ้งไม่วางไข่) ประมาณ 1-2 เดือน กุ้งก็จะโตเต็มที่ ใ ช้ เวลา ทั้งหมดประมาณ 4 เดือน จะได้กุ้งประมาณ 20-30 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 100-200 บาท
ระยะ เวลาในการจับกุ้งฝอยเพื่อจำหน่าย ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนก็สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้เลี้ยงได้ ทั้งนี้หาก เป็นการเลี้ยงในบ่อดินหรือตามสวนต่างๆจะสามารถ ใ ห้ จำนวนการขยาย พันธุ์ได้มากกว่าการเลี้ยงในบ่อปูนเพราะมีพื้นที่มากกว่า
โดยอาหารกุ้งฝอยที่เลี้ยงในบ่อดิน สามารถให้ได้แบบเดียวกันกับการเลี้ยงในบ่อปูน ก็ ถือ เป็น อีกหนึ่งเคล็ดลับสำหรับคนที่มีที่ดินว่างๆ อาจจะลองหันมาเลี้ยงกุ้งฝอยสร้างรายได้ดูบ้างก็ได้
อย่างไรก็ดีแม้จะเป็น อาชีพ ที่ดีแต่เกษตรกรก็ควรศึกษาวิธีการเลี้ยงให้เข้าใจและเริ่มเลี้ยงแบบหาประสบการณ์ จาก น้อยไปหามาก เพื่อดูว่าอัตราการรอดเป็นอย่างไรระหว่างเลี้ยงมีปัญหาอะไรให้ต้องแก้ไข แม้ว่ากุ้งฝอยจะเลี้ยงไม่ยากแต่หากไม่เข้าใจในวิธีการเลี้ยงก็อาจทำให้เป็นการลงทุนที่เสียเวลาโดยประโยชน์ได้
