ข้าพเจ้านางสาวสุภาพร ปักกาสาร กลุ่มประชาชน เจ้าหน้าที่ดำเนินงาน ตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โครงการยกระดับเศรฐกิจ และสังคมรายตำบลแบบบรูณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) การปฏิบัติงานครั้งนี้ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลพืชและสัตว์ในท้องถิ่น ตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลระหว่าง เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 ตำบลถลุงเห็ลก มีทั้งหมด 16 หมู่บ้าน ส่วนมากจะมีอาชีพเป็นเกษตรกรประกอบอาชีพปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ พืชที่ปลูกในท้องถิ่น คือ ข้าว อ้อยเพราะเป็นพืชเศรฐกิจประจำตำบลถลุงเหล็ก และประเทศไทย การปลูกข้าวเป็นเวลามากกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาเกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวจากการทำนาดำเป็นนาหว่านกันมากขึ้น การที่เกษตรกรหันมาทำนาหว่านมากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีการปลูกข้าวที่ประหยัดแรงงาน เวลา และค่าใช้จ่ายเพราะการปลูกข้าวแบบนาหว่านเป็นการปลูกข้าวแบบหว่านเมล็ดโดยตรง เมล็ดข้าวจะงอกพร้อมกัน เมื่อได้รับน้ำฝนหรือความชื้นสภาพแวดล้อมเหมาะสม แต่ปัญหาที่สำคัญที่ตาม คือ ปัญหาจากวัชพืชในนาข้าว หากไม่มีการควบคุม และกำจัดวัชพืชแล้วจะเกิดการสูญเสีย และมีผลทำให้ผลผลิตของข้าวในการทำนาหว่านข้าวลดลง
การควบคุมและการกำจัดวัชพืชในนาหว่านข้าวที่เกษตรกรปฏิบัติอยู่ส่วนใหญ่เป็นวิธีดังเดิม เช่น การเตรียมดินปลูกที่ดี และการใช้แรงงานถอนกำจัดวัชพืช แต่การถอนวัชพืชด้วยมือ ในนาหว่านข้าวจะกระทำได้ยากสิ้นเปลืองแรงงานมีค่าใช้จ่ายสูง และทำลายต้นข้าวในขณะปฏิบัติงานนอกจากนี้การกำจัดวัชพืชค่อนข้างต่ำอีกด้วย การกำจัดวัชพืชแบบปัจจุบันได้ใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยควบคุม และกำจัดวัชพืชทำให้เกิดสภาวะลดอัตราการเจริญเติบโตของวัชพืช โดยทำให้เกิดประสิทธิผบสูงสุดลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายตลอดจนผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมให้น้อยลงที่สุด
พันธุ์ข้าวที่นิยมปลูกกันเป็นพันธุ์ เช่น พันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 พันธุ์ข้าว กข 15 และพันธุ์ข้าว กข 6 เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะทรงต้นสูงใบยาวใหญ่แผ่โน้มปกคลุมเป็นลักษณะที่มีความสามารถในการแข่งขัน กับวัชพืชได้ดี
วิธีการเตรียมดินและการปลูกการเตรียมปลูกที่ดี จะช่วยลดปัญหาจากวัชพืชได้ แต่ในสภาพการทำนาหว่านในพื้นที่ต้องอาศัยน้ำฝนเมื่อปริมาณและการกระจายตัวของฝนเหมาะสมทำให้เมล็ดข้าวที่อยู่ในดินงอกขึ้นมาขณะเดียวกันเมล็ดวัชพืชที่อยู่ในระดับผิวดินก็จะงอกขึ้นมาพร้อมกับต้นข้าว อีกกรณีหนึ่งการไถเป็นการกำจัดวัชพืชที่เกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกันก็จะเป็นการพลิกหน้าดินอีกด้วย
การปลูกข้าวแบบนาหว่านมีวิธีที่ปฏิบัติหลากลาย เช่น การหว่านคราดกลบ หรือไถกลับและหว่านหลังขี้ไถการปลูกข้าวมีข้อแตกต่างตรงวิธีการเตรียมดิน และการปลูกโดยการเตรียมดินมีวัตถุประสงค์ เพื่อกำจัดวัชพืชดังเดิมที่ขึ้นอยู่ในนาก่อนที่จะหว่านข้าวซึ่งการเตรียมดินของเกษตรกรในปัจจุบันใช้เครื่องจักรแทนแรงงานสัตว์เป็นส่วนใหม่เครื่องมือที่ใช้ เช่น รถไถเดินตาม รถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่และการเตรียมดินจะพิถีพิถันมาก หรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเครื่องมือ ค่าใช้จ่าย และความพร้อมของเกษตรเอง
กำหนดช่วงเวลาปลูกพันธุ์ข้าว หอมมะลิ 105 ข้าว กข 15 ข้าว กข 6 เป็นพันธุ์ข้าวที่ไวต่อช่วงแสงเหมาะสำหรับการปลูกในฤดูนาปี เกษตรกรจะเริ่มไถเตรียมดิน และหว่านข้าวตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไปจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม พบว่าการกำหนดระยะเวลาปลูกเร็วหรือช้าจะมีผลกระทบต่อการให้ผลผลิตของข้าว
การปลูกอ้อยปัจจุบันนี้ได้มีเกษตรกรบางส่วนเริ่มเปลี่ยนพื้นที่จากการปลูกข้าวมาเป็นปลูกอ้อยในหลายพื้นที่เนื่องจากเห็นโอกาสมั่นคงของอ้อยเพราะเป็นพืชเศรฐกิจที่มีความต้องการของตลาดจำนวนมากและที่สำคัญมีการกำหนดราคาชัดเจน
ขั้นตอนการปลูกอ้อย
- การเลือกทำเลพื้นที่ปลูก
1.1 การเลือกที่ดอน น้ำไม่ขัง ดินร่วนซุยมีความอุดมสมบูรณ์ดี การคมนาคมสะดวก และอยู่ห่างจากโรงงานน้ำตาลอย่างน้อยไม่เกิน 50 กิโลเมตร
1.2 ควรปรับระดับพื้นที่ และแบ่งแปลงปลูกอ้อยเพื่อความสะดวกในการใช้เครื่องจักรในการเตรียมดินปลูก และเก็บเกี่ยวตลอดจนการระบายน้ำ
1.3 การไถควรไถอย่างน้อย 2 ครั้ง หรือมากกว่า ความลึกอย่างน้อย 20 นิ้ว หรือมากกว่าเพราะอ้อยมีระบบรากยาว
- พันธุ์อ้อยมีหลากหลายพันธุ์ เช่น ขอนแก่น 1 2 3 พันธุ์อู่ทอง พันธุ์ 95 พันธุ์เคเหลือง ควรเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพดิน อากาศ ที่มีลักษณะเจริญเติบโตดีให้ผลผลิตสูง และมีความหวานสูงด้วยโดยพิจารณาจากสิ่งต่างๆ ดังนี้ พันธุ์อ้อย มีความสมบูรณ์ตรงตามพันธุ์อายุประมาณ 8 – 10 เดือน คารเป็นอ้อยปลูกใหม่มีการเจริญเติบโตดีปราศจากโรคและแมลงตาอ้อยต้องสมบูรณ์
- วิธีการปลูกอ้อย
3.1 การปลูกอ้อยด้วยแรงคน คือ หลังจากการเตรียมดินยกร่องระยะ ระหว่างร่อง 1 – 1.5 เมตร แล้วนำท่อนพันธุ์มาวางแบบเรียงเดียว หรือ คู่ เสร็จแล้วกลบดินให้หนาประมาณ 3 – 5 เซนติเมตร
3.2 การปลูกอ้อยโดยใช้เครื่องปลูกจะช่วยประหยัดแรงงาน และเวลาเพราะจะใช้แรงงานเพียง 3 คน เท่านั้น คือ คนขับ คนป้อนพันธุ์อ้อย และคนเตรียมอุปกรณ์อย่างอื่นใช้กับเครื่องปลูกแบบแถวเดียว แต่ถ้าเป็นเครื่องปลูกแบบ 2 แถว ก็ต้องเพิ่มคนขึ้นอีก 1 คน ซึ้งเกษตรกรสามารถปลูกอ้อยได้วันละ 10 – 15 ไร่ แต่จะต้องมีการปรับระดับพื้นที่ และเตรียมดินเป็นอย่างดีด้วย
3.3 การกำจัดวัชพืชสำหรับอ้อยเป็นสิ่งจำเป็นในช่วง 4- 5 เดือนแรก อาจใช้แรงงานคนหรือเครื่องจักร และสารเคมี กำจัดวัชพืชก็ได้
- การตัดและขนส่งอ้อย เกษตรกรจะต้องปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดซึ่งเกษตรกรจะต้องรู้ว่าอ้อยตัวเองแก่หรือยัง โดยดูจากอายุการปลูกอ้อย น้ำตาลในต้นอ้อยและวางแผนตัดอ้อยร่วมกับโรงงาน
ได้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูล ผ่านแอพ CBD ตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มี 10 หัว ดังนี้
1.ข้อมูลผู้ที่ย้ายกลับบ้านเนื่องจากสถานการณ์โควิด
2.ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว
3.ข้อมูลที่พัก/โรงแรม
4.ร้านอาหารในท้องถิ่น
5.ข้อมูลอาหารที่น่าสนใจประจำถิ่น
6.เกษตรในท้องถิ่น
7.พืชในท้องถิ่น
8.สัตว์ในท้องถิ่น
9.ภูมิปัญญาท้องถิ่น
10.แหล่งน้ำในท้องถิ่น