ประจำเดือน มิถุนายน

 

ข้าพเจ้า นางสาวสายทอง ศรีบาง ผู้ปฏิบัติงานประเภทประชาชน  

ระบบจัดเก็บข้อมูลองค์ความรู้หลากหลายแขนง สร้างรากแก้วให้ประเทศ

ณ ต.ถลุงเหล็ก อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

          ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้มีการจำแนกออกหลายหัวข้อหลายกิจกรรม ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ได้มีการร่วมกันประชุมย่อยปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการรณรงค์โควิด-19 ต่อมาในวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 ได้ร่วมกันประชุมใหญ่อีกครั้งแบบประชุมออนไลน์(Google Meet) ร่วมกับคณะอาจารย์และสมาชิกทำงานร่วมกันในตำบลถลุงเหล็ก วางแผนงานกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 และวันที่ 25 พฤษภาคม 2564

          กิจกรรมที่จัดขึ้นในวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมที่โรงเรียนบ้านโนนศิลา เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป เกี่ยวกับกิจกรรมเชิงรุก โดยเน้นการเข้าไปเคลียร์พื้นที่ในโรงเรียน การทำความสะอาดเพื่อป้องกัน และลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในบริเวณพื้นที่ต่างๆ ได้ร่วมกันทำความสะอาดตามพื้นที่อาคารเรียน ห้องเรียน โต๊ะเรียน เก้าอี้ และทำความสะอาดของใช้ภายในห้องเรียน แล้วได้ทำการตัดตกแต่งกิ่งไม้บริเวณรอบๆ อาคารเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมการใช้พื้นที่อย่างปลอดภัย ให้ความรู้แก่ประชาชน สํารวจความต้องการ และจัดหาอุปกรณ์นับเป็นสิ่งสำคัญที่จะควบคุมเชื้อไวรัสได้

          ต่อมาในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ได้ดำเนินจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ที่ศาลาประชาคม ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ร่วมกับ อสม. และท่านผู้ใหญ่บ้าน เกี่ยวกับรับมือโควิด-19 โดยได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีน พร้อมเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง แนวทางปฏิบัติก่อนและหลังฉีดวัคซีน ผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น และวิธีการดูแลตัวเองหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน ให้ชุมชนมีความรู้ในการตัดสินใจที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน รวมถึงทำการลงพื้นที่สํารวจคัดกรองคนที่อยู่กลุ่มเสี่ยงในชุมชน หาแนวทางช่วยเหลือกับคนในชุมชน คลายข้อสังสัยและความวิตกกังวล อีกทั้งอํานวยความสะดวกให้คนในชุมชนเข้ารับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้แล้วได้แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับคนในชุมชนได้ใช้ป้องกันด้วย

ในการให้ความรู้ในครั้งนี้ประกอบไปด้วยหัวข้อและรายละเอียดดังต่อไปนี้

          การฉีดวัคซีนโควิด-19

          วัคซีน คือ สารที่ฉีดเข้าไปสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำมาจากเชื้อโรคที่ตายแล้ว หรือทำมาจากเชื้อโรคที่อ่อนแอจนไม่ทำให้เกิดโรคได้ โดยเมื่อฉีดวัคซีนเข้าสู่ตัวเราแล้วร่างกายเราก็จะสร้างภูมิคุ้มกันกับโรคนั้นขึ้นมา

          ทำไมต้องฉีดวัคซีนโควิด-19

          สาเหตุที่ประชาชนต้องฉีดวัคซีน คือ เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายให้มีความพร้อม สามารถใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคที่ประชาชนเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย และลดการแพร่ระบาดในชุมชน สามารถป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิต และเป็นการหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชนในวงกว้างได้ ซึ่งอาจจะทำให้ภาพเศรษฐกิจของประเทศเสียหายได้

          ใครที่มีสิทธิ์ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 “ประชาชนไทยทุกคน” มีสิทธิ์เข้าถึงและได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 หากแต่ในระยะแรกรัฐบาลจะได้ดูแลให้บริการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงก่อนได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า,กลุ่มอายุ 18-60 ปี ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย

          วัคซีนที่นำเข้าไทยมี 2 ชนิด คือ วัคซีนของ Sinovac ได้ผล 67% และวัคซีนของ AstraZeneca ได้ผล 76%

          1.ซิโนแวค (SinoVac) จากประเทศจีน ข้อดีของวัคซีนในกลุ่มนี้ คือ ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีมานาน มีประสบการณ์และความมั่นใจในการใช้เป็นอย่างดี แต่ข้อจำกัด คือ ราคาวัคซีนค่อนข้างสูง เนื่องจากกรรมวิธีในการผลิตต้องดำเนินการในห้องปฏิบัติการ ที่มีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในระดับที่ 3 สำหรับประสิทธิภาพของวัคซีนจากการศึกษาล่าสุดในประเทศบราซิล พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 50.3%

          2. แอสตร้าเซนเนก้า AstraZeneca จากการศึกษาวิจัยพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพเฉลี่ยโดยรวม 70%

          ข้อดีของการฉีดวัคซีนโคควิด-19

          -วัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกชนิด รวมถึงวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca สามารถป้องกันอาการเจ็บป่วยรุนแรงที่ต้องนอนโรงพยาบาลและป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 100%

          -วัคซีนป้องกันโควิด-19 มีผลการวิจัยในแต่ละประเทศทั่วโลก ว่ามีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้ตั้งแต่ 50-90% เช่น ล่าสุดในประเทศชีลี

          ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนและหลังฉีดวัคซีนโควิด-19

          1. สองวันก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ให้งดออกกำลังกายหนัก หรือยกน้ำหนัก และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

          2.  วันที่ฉีดควรดื่มน้ำอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี (ประมาณ 3-5 แก้ว) งดชา กาแฟ หรือของที่มีคาเฟอีน รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

          3. ฉีดแขนข้างที่ไม่ค่อยถนัด และหลังฉีดสองวันอย่าใช้แขนนั้น อย่าเกร็งยกของหนัก หรืออย่าบีบนวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน

          4. หลังฉีดแล้วเจ้าหน้าที่จะให้รอสังเกตอาการในบริเวณสถานที่ฉีดอีก 30 นาที

          5. ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมากจนทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละหนึ่งเม็ด (กินซ้ำได้ถ้าจำเป็น) แต่ให้ห่างกัน 6 ชั่วโมง ห้ามกินยาจำพวก Brufen, Arcoxia, Celebrex เด็ดขาด

         6. ถ้ากินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ก็ให้กินยาได้ตามปกติ แต่เมื่อฉีดยาแล้วให้กดนิ่งตรงตำแหน่งที่ฉีดต่ออีก 1 นาที

          อาการที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดวัคซีนโควิด- 19 คือ โดยหลักการวัคซีนจะทำหน้าที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้รู้จักกับเชื้อโรคล่วงหน้าก่อนที่ร่างกายจะได้รับเชื้อเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หรือไม่ให้เจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น มีไข้ ปวด หรือ ระคายเคืองบริเวณตำแหน่งที่ฉีด ปวดเมื่อยตามตัว หากเกิดผลข้างเคียงตั้งแต่เข็มแรก ในเข็มที่ 2 ก็อาจมีอาการมากขึ้นได้เล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติที่แสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันกำลังถูกกระตุ้นจากวัคซีน

          การดูแลเบื้องต้นจากผลข้างเคียงในการฉีดโควิด-19 คือ สำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้วัคซีนหรือแพ้ยาแบบรุนแรงควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดวัคซีน และหลังจากฉีดวัคซีนแล้วให้รออาการ ประมาณ 30 นาที ซึ่งโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงมีเพียง 10-15 % ของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซึ่งถือว่าน้อยมากแต่ถ้าหากมีอาการไข้ ปวดเมื่อย หรือปวดตำแหน่งที่ฉีด สามารถกินยาพาราเซตามอลได้ แต่ไม่ควรกินยาแอสไพริน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ อาการแพ้วัคซีนซึ่งสามารถหายเองได้ ประมาณ 3-4 วัน

          ต่อมาข้าพเจ้าลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์คนในชุมชนว่าหลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 มีผลข้างเคียงและอาการอย่างไรบ้าง ได้สัมภาษณ์นางธนนันท์ จันทรโส ได้กล่าวว่าแค่รู้สึกระบมแขนนิดหน่อย มีอาการเพลียเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีอาการอะไร ใช้ชีวิตประจำวันปกติดูแลตัวเองต่อไป และได้แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้กับตัวแทน อสม.เพื่อนำไปใช้ในชุมชนต่อไป

 

 

อื่นๆ

เมนู