“ลำไย” เป็นผลไม้กึ่งเมืองร้อนเป็นหนึ่งในผลไม้หลายชนิดที่ประเทศไทยผลิตได้เพียงพอสนองความต้องการในประเทศและสามารถส่งออกไปจำหน่ายด่างประเทศ ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทย ลำไยนับเป็นผลไม้หนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านรสชาติและกลิ่นที่หาผลไม้อื่นทดแทนได้ยาก ชุมชนเจริญสุขส่วนมากทำอาชีพเกษตรเป็นหลัก และทำนาเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่หลายปีหลังมานี้ ทำนาไม่ค่อยได้ผลผลิตและได้ราคา เท่าไหร่ ทำให้คนในชุมชนหลายๆครอบครัวหันมาเปลี่ยนที่นาเป็นแปลง เกษตรอย่างอื่นเพิ่มมากขึ้น
วิธีการปลูกลำไย
เริ่มต้นเตรียมแปลง เอารถไถมาไถพรวนดิน หรือถ้าเป็นแปลงพื้นเรียบๆ ก็จะทำแบบยกร่องห่างกันแต่ละร่อง 6 -7 เมตร ขุดหลุมลึกประมาณ 1 ฝ่ามือ แต่ละหลุมห่างกันประ 6-7 เมตร เวลาปลูกให้ถุงต้นลำไยให้เสมอ ปากถุง พอปลูกเสร็จใส่ปุ๋ยคอกรดนำ้ หลังจากปลูกต้องรดน้ำเป็นประจำอีกประมาณ 9-10 วันใส่ปุ๋ยเคมีเพิ่มเพื่อให้เร่งยอดเร่งการเจริญเติบโต ถ้าต้นอุดมสมบูรณ์ 3 ปี ก็สามารถให้ผลผลิตได้ส่วนมากที่ชุมชนจำทำให้ออกนอกฤดู ช่วงเดือนธันวาคม ถึง มกราคม เพื่อลำไยจะได้ราคาดี
การดูแลรักษาต้นลำไยถ้าเก็บเกี่ยวลำไยเสร็จก็เริ่มตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยคอกเพิ่ม รดน้ำไว้ เรื่อยๆ แล้วโคนต้นลำไย ต้องตัดหญ้าให้โล่งเตียนเป็นประจำ เพราะ ลำไยไม่ชอบหญ้ารกช่วงเดือนมิถุนายนเริ่มราดสารโปรแตสเซียม เพื่อกระตุ้นการ ออกดอกนอกฤดู พอราดสารประมาณ 20 วันก็จะเกิดตาดอก ดอกจะเริ่ม บานเต็มที่ภายใน 1 เดือน หลังจากราดสารประมาณ 6-7 เดือนก็จะได้ เก็บเกี่ยวอีกรอบช่วงออกลูกเล็กๆเริ่มมีแมลงมากวน ก็จะใช้เคมีช่วย แต่พอหลังจาก นั้นก็จะปล่อยตามธรรมชาติลำไยในชุมชุมเจริญสุข จะรู้จักกันมากในนาม ลำไย ภูเขาไฟ และจะขึ้น ชื่อในเรื่องของความหวาน กรอบ อร่อย ไม่แสบคอ
ในปัจจุบันพื้นที่ของตำบลเจริญสุขมีความเหมาะสมในด้านการเกษตรจึงปฏิเสธ ไม่ได้ว่า “พืช” คือสิ่งที่ทำให้คนไทยมีอาหารเลี้ยงปากท้องและยังสร้างรายได้กับครัวเรือน ต่อยอดไปจนถึงการสร้างรายได้ให้ประเทศจนกลาย เป็น “พืชเศรษฐกิจ” ที่เกษตรกรจำนวนมากยึดถือเป็นอาชีพ
นอกจากนี้การปลูกลำไยในชุมชน ได้สร้างรายได้ให้คนในชุมชนเป็น จำนวน บางคนรับจ้างตัดหญ้าในสวนลำไย ,ตัดแต่งกิ่งลำไย และแม่ค้า ตลาดนัดก็มารับไปขายอีกต่อนึงลำไยภูเขาไฟ ช่วยสร้างรายได้ให้คนในชุมชนและยังเป็นแหล่งท่อง เที่ยวอีกที่นึงที่สร้างชื่อเสียงให้ตำบลเจริญสุขอีกด้วย
อ้างอิง
ลำไยภูเขาไฟ//(2564).//ลำไย พืชเศรษฐกิจ//สืบค้นเมื่อ10 พฤศจิกายน ๒๕๖๔,/จาก.https://www.m-culture.go.th/sisaket/ewt_news.php?nid=799&filename=index