ข้าพเจ้า นางสาวพนิดา สนทนา กลุ่มบัณฑิตจบใหม่ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ หลักสูตรการส่งเสริมอาชีพและการพัฒนาขนมไทย รับผิดชอบลงพื้นที่ในหมู่ 1 บ้านหนองดุม ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
บทความประจำเดือนพฤศจิกายนภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564
ได้จัดอบรมการขอมาตรฐานของผลิตภัณฑ์คือ การขอ อย และการขึ้นทะเบียน OTOP และมาตรฐาน มผช.โดยนักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ และนักวิชาการสาธารณสุข เวลา 13.30-16.00 น.โดยการจัดอบรม ณ ศาลากลางหมู่บ้านบ้านหนองบัวราย ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้เป็นตัวแทนหมู่บ้านละ 2 ท่าน ในตำบลบ้านสิงห์ โดยวิทยากรที่ให้ความรู้ในครั้งนี้คือ นางภัทรวดี มักขุนทด นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ ได้ให้ความรู้ต่างๆดังนี้
การจัดตั้งกลุ่มอาชีพ พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ OTOP
กลุ่ม คือ กลุ่มการที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปมารวมกันโดยมีการติดต่อสัมพันธ์กันหรือปฏิสัมพันธ์กันและมีจุดมุ่งหมายที่จะกระทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกันและความสัมพันธ์นี้จะช่วยให้สมาชิกกลุ่มอยู่ร่วมกันได้ในระดับที่พอดี
กลุ่มอาชีพ คือ การรวมตัวของชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเดียวกัน ดาเนิน กิจกรรมด้านอาชีพ กิจกรมผลิต และจาหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะกรรมการดาเนินงานของกลุ่ม มีระเบียบข้อบังคับ
การนำกลุ่มอาชีพเข้าสู่ OTOP
หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product : OTOP)
ที่เน้นกระบวนการ การสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ในแต่ละหมู่บ้าน ชุมชน หรือตำบล เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้แต่ละชุมชน ได้นาทรัพยากร ภูมิปัญญาในท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพที่มีจุดเด่น และมูลค่าเพิ่มเป็นที่ต้องการของตลาด สอดคล้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ของท้องถิ่น โดยยึดหลักการพึ่งตนเองของชุมชน และรัฐพร้อมที่จะ ช่วยเหลือในด้านความรู้สมัยใหม่และการบริหารจัดการ เชื่อมโยงสินค้า ชุมชนสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ประเภทผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์
ที่จะนำมาดำเนินการลงทะเบียน ต้องผ่านกระบวนการผลิต โดยใช้ภูมิปัญญา จานวน 5 ประเภท ดังนี้
- ประเภทอาหาร หมายถึง ผลผลิตทางการเกษตร และอาหารแปรรูป ซึ่งได้รับมาตรฐาน อย., GAP, GMP, HACCP, Qmark, มผช., มอก., มาตรฐานเกษตรอินทรีย์, ฮาลาล และมี บรรจุภัณฑ์ เพื่อการจำหน่ายทั่วไป แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1) ผลิตผลทางเกษตรที่ใช้บริโภคสด
2) ผลิตผลทางการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบ และผ่านกระบวนการแปร
3) อาหารแปรรูปกึ่งสำเร็จรูป/สำเร็จรูป
- ประเภทเครื่องดื่ม แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
- เครื่องดื่มที่มี่แอลกอฮอล์
- เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
- ประเภทเครื่องแต่งกาย
- ประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก
- ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร
ประโยชน์ของการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
- ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีขึ้น มีความปลอดภัย
- ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอ
- ผู้ซื้อ ผู้บริโภค และผู้เกี่ยวข้องตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- สร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือ
- เพิ่มโอกาสทางการค้า ผู้ผลิตเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับรอง มผช.
เงื่อนไขของผู้ยื่นขอ เป็นผู้ผลิตในชุมชน ไม่เป็นผู้แอบอ้าง หรือทำการผลิตแอบแฝง และมีคุณสมบัติ
- บุคคลทั่วไป
- กลุ่มผู้ผลิตชุมชน (ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานราชการ/วิสาหกิจชุมชน หรือ
- นิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ OTOP
- ผลิตภัณฑ์ที่ยื่นขอ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในรายชื่อมาตรฐาน มผช. ทั้ง 5 ประเภท (http://tcps.tisi.go.th/public/StandardList.aspx) และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ควบคุมที่ เกี่ยวข้องก่อน เช่น ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข กรมสรรพสามิต
- ยอมรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วไปในการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ และการรับรองคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
- ยื่นคำขอต่อหน่วยรับรองตามแบบคำขอที่กำหนด (สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์)
เมื่อผู้ขอได้รับการรับรองต้อง
- รักษาระบบการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง ตลอดระยะเวลาที่ได้รับการรับรอง และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับรอง มผช.
- นำใบรับรอง มผช. และเครื่องหมาย มผช. ไปใช้อ้างอิงได้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ การรับรองเท่านั้น
- ยุติการใช้ใบรับรอง และเครื่องหมาย มผช. เมื่อสิ้นอายุการรับรอง หรือ ในทันทีที่มีการ พักใช้ หรือยกเลิก หรือเพิกถอนการรับรอง
- จัดเตรียมเอกสารหลักฐาน และข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการร้องเรียนผลิตภัณฑ์
- แจ้งให้หน่วยรับรองทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น เปลี่ยนผู้ติดต่อ ประสานงาน เปลี่ยนชื่อนิติบุคคล ย้ายสถานที่ ปรับกระบวนการทำที่มีผลต่อผลิตภัณฑ์
การต่ออายุใบรับรอง
- ให้ยื่นขอใหม่ล่วงหน้า 120 วัน ก่อนที่ใบรับรองจะสิ้นอายุ (หากมีความประสงค์ขอต่ออายุใบรับรอง)
- หน่วยรับรองจะดำเนินการตามกระบวนการรับรอง มผช.
การสิ้นอายุใบรับรอง
- ใบรับรองครบอายุ 3 ปี
- ผู้ได้รับการรับรองขอยกเลิกการรับรอง
- ผู้ได้รับการรับรองเลิก หรือถูกสั่งให้เลิกประกอบกิจการ
- มาตรฐานมีการแก้ไข ใบรับรองจะมีอายุ 1 ปี นับแต่วันที่มาตรฐาน ใหม่มีผลบังคับใช้
- มาตรฐานมีการยกเลิก
- ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจติดตามผลไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 2 ครั้ง ติดต่อกัน
การตรวจสุขลักษณะการผลิต
- สถานที่ตั้งอาคารที่ทำและบริเวณโดยรอบ สะอาด ไม่มีน้ำขังแฉะ ไม่สกปรก
- เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ในการทำมีความสะอาด ปราศจากเชื้อโรค
- การควบคุมกระบวนการทำ วัตถุดิบและส่วนผสมในการทำความสะอาด
- การสุขาภิบาล การบำรุงรักษา การทำความสะอาด – น้ำใช้ต้องสะอาดและเพียงพอมีวิธีป้องกันและกำจัดสัตว์นำเชื้อ
- บุคลากรและสุขลักษณะของผู้ทำต้องรักษาความสะอาดส่วนบุคคล เช่น เสื้อผ้าสะอาด มีผ้าคลุมผม ไม่ไว้เล็บยาว ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนทำ/หลังการใช้ห้องสุขา
และในช่วงที่ 2 นักวิชาการสาธารณสุขได้ให้ความรู้ในเรื่อง กรณีศึกษาที่ผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายตามมาตรฐาน Primary GMP โดยข้อมูลการให้ความรู้มีดังนี้
หลักเกณฑ์ของ Primary GMP
- สถานที่ตั้งและอาคารผลิต
- เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต
- การควบคุมกระบวนการผลิต
- การสุขาภิบาล
- การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด
บุคลากรและสุขลักษณะผู้ปฏิบัติงาน
หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย
หัวข้อที่ 1 สถานที่ตั้งและอาคารผลิต
- สถานที่ตั้งตัวอาคารและที่ใกล้เคียง ต้องอยู่ในที่จะไม่ทำให้อาหารเกิดการปนเปื้อนได้ง่าย
- อาคารผลิตหรือบริเวณผลิตต้อง รักษาความสะอาดและรักษาให้ อยู่ในสภาพที่ถูกสุขลักษณะ
หัวข้อที่ 2 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต
- ออกแบบเครื่องมือเครื่องใช้ที่เหมาะสม และคำนึงการปนเปื้อนที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งทาความสะอาดได้ง่าย
- ภาชนะหรืออุปกรณ์ในการผลิตที่สัมผัส กับอาหาร ต้องทาจากวัสดุที่ไม่ทา ปฏิกิริยากับอาหารและง่ายต่อการทำความสะอาด
- โต๊ะหรือพื้นผิวที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตในส่วนที่สัมผัสกับอาหาร ต้องทาด้วย วัสดุที่ไม่เกิดสนิม ทำความสะอาดง่าย มีความสูงที่เหมาะสมในการปฏิบัติงานหรือมี มาตรการในการป้องกันการปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
หัวข้อที่ 3 การควบคุมกระบวนการผลิต
- วัตถุดิบ ส่วนผสมในการผลิตอาหาร ต้องมีการคัดเลือกให้อยู่ในสภาพที่สะอาด มีคุณภาพ ต้องล้างทาความสะอาดตามความจำเป็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรก และต้องเก็บรักษาวัตถุดิบภายใต้สภาวะที่ป้องกันการปนเปื้อนโดยมีการเสื่อมสลายน้อยที่สุด และหมุนเวียนของวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการใช้วัตถุเจือปนอาหารต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร
- การดาเนินการระหว่าง ผลิตอาหาร มีการขนย้ายวัตถุดิบ ส่วนผสม ภาชนะบรรจุ และบรรจุภัณฑ์ในลักษณะที่ไม่เกิดการปนเปื้อน
- ผู้ผลิตมีขั้นตอนและวิธีการในการควบคุมกระบวนการผลิตเป็นไป ตามข้อกำหนดหรือตามความเหมาะสมของกระบวนการผลิตนั้นๆอย่างเคร่งครัด
- น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่สัมผัสกับอาหารต้องเป็นน้ำที่สะอาด บริโภคได้ มีคุณภาพมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง น้ำบริโภค และการประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง น้าแข็ง และการนาไปใช้ในสภาพที่ถูกสุขลักษณะ
- น้ำแข็งใช้ในกระบวนการผลิตที่สัมผัสกับอาหาร สะอาด มีคุณภาพมาตรฐานตาม
- การผลิต เก็บรักษา ขนย้าย และขนส่งผลิตภัณฑ์อาหารต้องป้องกันการปนเปื้อนและกันการเสื่อมสลายของอาหารและภาชนะบรรจุด้วยน้ำไปใช้ในสภาพที่ถูกสุขลักษณะ
หัวข้อที่ 4 การสุขาภิบาล
- น้ำที่ใช้ภายในสถานที่ผลิต ต้องเป็นน้ำสะอาดและจัดให้มีการปรับคุณภาพน้ำตามความจำเป็น
- จัดให้มีภาชนะรองรับขยะมูลฝอยที่มีฝาปิดในจำนวนที่เพียงพอ และมี ระบบกาจัดขยะมูลฝอยที่เหมาะสม
- จัดให้มีห้องส้วมและอ่างล้างมือหน้าห้องส้วมให้เพียงพอสำหรับผู้ปฏิบัติงาน และต้องถูกสุขลักษณะ มีอุปกรณ์ล้างมือครบถ้วน ใช้งานได้ สะอาด และต้องแยกต่างหากจากบริเวณที่ผลิตหรือไม่เปิดสู่บริเวณผลิตโดยตรง
- จัดให้มีอ่างล้างมือในบริเวณผลิตให้เพียงพอ ใช้งานได้ สะอาด และมีอุปกรณ์ล้างมืออย่างครบถ้วน
- การจัดการระบายน้ำทิ้งและสิ่งโสโครกอย่างมีประสิทธิภาพ
หัวข้อที่ 5 การบำรุงรักษาและการทาความสะอาด
- ตัวอาคารสถานที่ผลติ ต้องทาความสะอาดและรักษา ให้อยู่ในสภาพที่ถูกสุขลักษณะอย่างสม่ำเสมอ
- เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ในการผลิต มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมออยู่สภาพที่ใช้งานได้
- การจัดเก็บสารเคมีทำความสะอาดหรือสารเคมีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสุขลักษณะต้องแยกให้เป็น สัดส่วน ปลอดภัย พร้อมมีการแสดงป้ายชื่อ
หัวข้อที่ 6 บุคลากรและสุขลักษณะผู้ปฏิบัติงาน
- ผู้ปฏิบัติงานในบริเวณผลิตอาหารไม่มีบาดแผล ไม่เป็นโรคหรือพาหะของโรคตามที่ระบุใน กฎกระทรวง หรือมีบาดแผที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์
- ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ทำหน้าที่สัมผัสอาหาร ต้องสวมเสื้อผ้าที่สะอาด สวมหมวก หรือ ผ้าคลุมผมหรือตาข่าย, มีมาตรการการจัดการรองเท้าที่ใช้ในการผลิตที่เหมาะสม ไม่สวมเรื่องประดับ พร้อมทั้งล้างมือและดูแลเล็บมือให้สะอาด อยู่เสมอ
- แสดงคำเตือน ห้ามหรือป้องกันมิให้บุคคลแสดงพฤติกรรมอันน่ารังเกียจในการผลิตอาหาร
- วิธีการหรือข้อปฏิบัติสาหรับผู้ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตที่มีความจำเป็นต้องเข้าไปในบริเวณผลิต ต้องปฏิบัติตามข้อ 2 เมื่ออยู่ในบริเวณที่ผลิต
หลักเกณฑ์การตัดสินใจในการให้คะแนนในบันทึก การตรวจ Primary GMP
อาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจาหน่าย เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวง สาธารณสุข ฉบับที่ 342 (พ.ศ. 2555) เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวง สาธารณสุข ฉบับที่ 342(พ.ศ. 2555) แต่ยังพบข้อบกพร่องซึ่งยอมรับได้ เนื่องจากมีมาตรการป้องกันการปนเปื้อนในอาหารหรือข้อบกพร่องนั้นไม่ มีผลกระทบต่อความปลอดภัยโดยตรงกับอาหารที่ผลิต ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวง สาธารณสุข ฉบับที่ 342 (พ.ศ. 2555)
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564
ลงพื้นที่ในการเก็บข้อมูล CBD เพิ่มเติม เป็นระบบเก็บข้อมูลความรู้ ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลหมู่ที่ 1 บ้านหนองดุม ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีรายละเอียดการเก็บข้อมูลดังนี้
- สำรวจสัตว์ในท้องถิ่น สัตว์ในชุมชนบ้านหนองดุม หมู่ที่ 1 ส่วนใหญ่คนในชุมชนจะเลี้ยง วัว ควาย ไก่ เป็ด ซึ่งมีจำนวนมาก จากการสำรวจบางส่วนอยู่ในบริเวณทุ่งนาทำให้ไม่ทราบเจ้าของ
- ร้านอาหารในชุมชน หมู่ที่ 1 บ้านหนองดุม มีร้านก๋วยเตี๋ยว 1 ร้าน มีที่นั่งเพียงพอสำหรับนั่ง 10 – 15 คน มีที่จอดรถเพียงพอ ราคาอยู่ที่ 20 – 25 บาท เปิดให้บริการทุกวันเวลา 00 น. – 15.00 น.
- พืชในท้องถิ่นส่วนใหญ่ ชุมชนบ้านหนองดุมจะปลูกมันสำปะหลังและจะเป็นพืชผักสวนครัวทั่วไป เช่น ผักชี ผักบุ้ง มะละกอ มะพร้าว กล้วย เป็นต้น
- เกษตรกรในท้องถิ่น ในชุมชนบ้านหนองดุมหมู่ที่1 นั้นส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรแทบทุกครัวเรือน ปลูกข้าวและมันสำปะหลังเป็นส่วนใหญ่และจะใช้อุปกรณ์ เทคโนโลยีในการช่วยประกอบการทำเกษตร เช่น รถไถ รถบรรทุก รถเกี่ยวข้าว เป็นต้น แรงงานที่ใช้ส่วนใหญ่จะ ช่วยกันทำในเครือญาติประมาณ 3 – 10 คน
- แหล่งน้ำในท้องถิ่น แหล่งน้ำในชุมชนบ้านหนองดุม มี 4 แหล่ง โดยสภาพแหล่งน้ำมีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการทำการเกษตร
- สระน้ำบ้านหนองดุม ลักษณะเป็นหนองน้ำ พิกัด X: 7264042 Y: 102.8051941
- อ่างเก็บน้ำบ้านหนองดุม ลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำ พิกัด X: 14.724462 Y: 102.808793
- สระหนองดุม ลักษณะเป็นหนองน้ำ พิกัด X:14.7297988 Y:102.8106906
- สะหนองแสง ลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำ พิกัด X:14.725036 Y: 14.725036
วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564
ได้เข้าร่วมอบรม งานเสวนาออนไลน์เรื่อง“ Quadruple Helix: จตุรภาคีสี่ประสานสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน” ณ ศูนย์ประสานงานชุมชนสัมพันธ์ HUSOC อาคาร 25 ชั้น 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์วันที่ 28 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09.00 น. เวลา 09.40 – 12.00 น. เวลา 12.15 น.
กําหนดการ
เวลา 09.00 น. – พิธีเปิดงานเสวนาออนไลน์โดย รองศาสตราจารย์มาลิณีจุโฑปะมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
- กล่าวรายงานโดยรองศาสตราจารย์ดร. อัครพนท์ เนื้อไม้หอม คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
- พิธีกรผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. คำภีรภาพอินทะนรองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ดำเนินการเสวนาโดยอาจารย์ชมพูอิสริยาวัฒน์รองคณบดีฝ่ายพันธกิจชุมชนสัมพันและภูมิทัศน์การเสวนาผ่านระบบ ZOOM เรื่อง“ Quadruple Helix: จตุรภาคีสี่ประสานสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน”
ผู้ร่วมเสวนา
- นายคําเดื่อง ภาษี ประธานปราชญ์ชาวบ้านบุรีรัมย์
- รองศาสตราจารย์ดร. ประสาท เมืองเฉลิม จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- นายสุพจน์ สวัสดิ์พุทรา นายกเทศมนตรีตำบลอิสาณ
- นายณัชอิสร์ ศรีสุขพรชัย ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์
- รองศาสตราจารย์ ดร. อัครพนท์ เนื้อไม้หอม คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ดำเนินการเสวนาโดย อาจารย์ชมพู อิสริยาวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายพันธกิจชุมชนสัมพันธ์และภูมิทัศน์
- รองศาสตราจารย์ดร. อัครพนท์ เนื้อไม้หอม คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์กล่าวขอบคุณวิทยากรและกล่าวปิด
การจัดเสวนาชุมชนในครั้งนี้ก็เนื่องจากเป็นการสนองนโยบายของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่กำลังจะเข้าสู่รับการประเมินผลงาน ซึ่งเป็นการสนองงานตามนโยบายของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเป็นนโยบายขององค์การสหประชาชาติในเรื่องของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมหามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์มีความพร้อมในการเข้ารับการประเมิน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ได้ดำเนินการกิจกรรมพัฒนาชุมชนให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อย่างต่อเนื่อง คำว่า Quadruple Helix : จตุรภาคีสี่ประสานสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน เป็นคำที่กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัฒตกรรมได้ใช้ในการดำเนินการนโยบาย เรื่องพลิกโฉมมหาวิทยาลัย ซึ่งสอดคล้องกับองค์การสหประชาชาติ จตุรภาคีสี่ประสานเชื่อมกันก็จะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน จตุรภาคีสี่ประสานดังกล่าวคือ
- มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
- ชุมชน และวัด
- หน่วยงานเอกชน
- หน่วงงานราชการ
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ 2564
ได้จัดอบรมการตลาด online สำหรับผู้ประกอบการ โดยวิทยากร อาจารย์ปิติวรรณ ฝ้ายโคกสูง สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ ได้จัดอบรม ณ ศาลากลางหมู่บ้านบ้านหนองบัวราย ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้เป็นตัวแทนหมู่บ้านละ 2 ท่าน ในตำบลบ้านสิงห์ และได้ผสานงานให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ต้องการเข้าร่วม ให้เตรียมอุปกรณ์เพื่อมาเป็นตัวอย่างการถ่ายรูปเพื่อนำมาถ่ายรูปในการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ โดยมีข้อมูลรายละเอียดดังนี้
วิธีการทำการตลาดบน Facebook ที่มีประสิทธิภาพ
- สร้างความประทับใจให้กับ Profile, Fanpage เมื่อทำการตลาดบน Facebook
ออกแบบชิ้นส่วนข้อมูลที่น่าประทับใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ อาจจะเป็นสร้างโปรไฟล์ที่สมบูรณ์เพื่อแสดงว่าเป็นนักการตลาดมืออาชีพ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในผลิตภัณฑ์ของคุณ
- ลงทุนในการสร้างสรรค์เนื้อหา
เนื้อหาของเพจ บทความที่สื่อออกไปควรเป็นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือตรงกับความสนใจ โดนใจกลุ่มลูกค้า และตรงกับวัตถุประสงค์ในการสร้างเพจของเราให้มากที่สุด ยึดหลักฐานแฟนแน่น คอนเท้นต์ก็ต้องสร้างสรรค์
Content marketing บน Facebook ต้องกระชับและมีข้อมูลเพียงพอ
มี 4 ประเด็นที่คุณต้องพิจารณาเมื่อสร้างเนื้อหา
- เข้าถึงกลุ่มลูกค้าแม่นยำ
การตลาดบน Facebook จะมีความละเอียดในการใช้งานที่สามารถเจาะจงให้โฆษณาถูกแสดงผลให้กับคนที่มีความสนใจ, พฤติกรรม, เพศ, อายุ ฯลฯ ตรงตามเกณฑ์ที่คุณตั้งเอาไว้เท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าโฆษณาของคุณจะถูกแสดงให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
- ข้อมูลที่แชร์
เนื้อหาสำหรับการทำการตลาดบน Facebook อย่างมีประสิทธิภาพมีจำนวนมาก สามารถเลือกโพสต์ได้หลากหลายประเภทซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ โพสต์ที่ขอให้ผู้ชมแสดงความคิดเห็นส่วนตัว โพสต์ที่แสดงลักษณะแบรนต์ และโพสต์ที่นำเสนอคุณค่าสำหรับผู้ชมเช่นของขวัญ คูปอง อันดับแรก สำหรับโพสต์ที่กระตุ้นให้ผู้ชมแสดงความคิดเห็นและบุคลิกของพวกเขา ต้องจัดพื้นที่เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา สิ่งที่ต้องทำคือนึกถึงประโยคที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์เว้นที่ว่างไว้ส่วนที่เหลือให้ผู้ชมทำจินตนาการ
3. โพสต์ให้ถูกเวลา
เวลาในการโพสต์ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อความสามารถในการเข้าถึงและโต้ตอบกับผู้ติดตาม หากแบรนด์ของเราเลือกช่วงเวลาที่โพสต์ถูกจังหวะ ระบบอัลกอริทึมก็อาจจะจัดลำดับโพสต์ของเราให้เลื่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหน้าฟีด และโพสต์ของเราก็มีโอกาสไปปรากฏอยู่บนหน้าฟีดของผู้เล่น Facebook ได้เพิ่มขึ้น
- โพสต์ควรจะมีความยาวเท่าไหร่ดี
ควรโพสต์ให้สั้นและ “ไพเราะ” เพื่อให้ผู้ใช้สนใจในระยะยาว เนื่องจาก Facebook ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลและความหมาย ตาม Kissmetrics โพสต์ที่มีคำน้อยกว่า 80 คำช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ได้ถึง 66%
- โพสต์อย่างสม่ำเสมอ
การโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แบรนด์หรือเพจของคุณอยู่ในสายตาของกลุ่มเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา และอาจทำโพสต์นั้น ๆ กลายเป็นโพสต์อันดับต้น ๆ บนหน้าฟีดของผู้เล่นบน Facebook ได้ไม่ยาก
- ใช้แคมเปญโฆษณาบน Facebook
การทำโฆษณา Facebook เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในหลากหลายธุรกิจตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้นักธุรกิจประหยัดทั้งในด้านของเวลาในการโปรโมทสินค้าและบริการ และต้นทุนทางการตลาด ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตได้ผ่านการทำโฆษณาบน Facebook
หลังจากให้ความรู้ด้านการประชาสัมพันธ์ อาจารย์ปิติวรรณ ฝ้ายโคกสูง ได้ให้แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ในตำบลบ้านสิงค์ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ประเภทขนม 2. สิ่งของเครื่องใช้ เพื่อสำรวจและแบ่งผลิตภัณฑ์ในตำบลออกตามประเภทเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ในกลุ่มของ facebook เพจขายสินค้าของตำบลบ้านสิงห์ ชื่อเพจ คือ บ้านสิงห์ของดีบอกต่อ https://www.facebook.com/NRbansing
1.ขนม
- ขนมดอกจอก ราคาปลีกถุงละ 10 บาท ราคาส่งถุงละ 13 ถุง 100 บาท
- ขนมท้องม้วน ราคาปลีกถุงละ 10 บาท ราคาส่งถุงละ 13 ถุง 100 บาท
- ขนมบ้าบิ่น ราคาปลีกกล่องละ 10 บาท
- ขนมกล้วยฉาบ ราคาปลีกถุงละ 10 บาท ราคาส่งถุงละ 13 ถุง 100 บาท
- ขนมใส่ไส้ ราคาปลีก 3 ห่อ 10 บาท
- ขนมรังแตน ราคาปลีกถุงละ 10 บาท ราคาส่งถุงละ 13 ถุง 100 บาท
- ขนมนางเล็ด ราคาปลีกถุงละ 20 บาท 4 ชิ้น ราคาส่งถุงละ 15 บาท
- สิ่งของเครื่องใช้
- ตะกร้าสาน
- แห ราคา 800 – 1,500 บาท
- สุ่มไก่ กระด้ง ตะแกรง ราคา 150 – 500 บาท
- พวงหรีด ดอกไม้จันทน์ ราคา 300 – 500 บาท
- กระเป๋าจากผ้า ราคา 59 ขึ้นไป
- เสือกก ราคา 150 – 800
- ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ราคา 300 ขึ้นไป
- บายศรี ราคาเริ่มต้น 150 บาท
- กรงนก ราคา 300 บาทขึ้นไป
หลังจากที่แบ่งประเภทของผลิตภัณฑ์แล้วนั้น จึงได้เรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพเพื่อที่จะทำให้สินค้าดึงดูดผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น
วันที่ 8 – 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
ติดตามการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตําบล (U2T) โครงการ U2T ได้แบ่งกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มละ 5 คน เพื่อแบ่งหัวข้อที่จะวิเคราะห์ข้อมูล CBD โดยจะมีทั้งหมด 10 หมวด คือ
- ผู้ที่ย้ายกลับบ้านจากสถานการณ์โควิด 6. แหล่งท่องเที่ยว
2. ที่พัก /โรงแรม 7. ร้านอาหารในท้องถิ่น
3. อาหารที่น่าสนใจประจำท้องถิ่น 8. เกษตรกรในท้องถิ่น
4. พืชในท้องถิ่น 9. สัตว์ในท้องถิ่น
5. ภูมิปัญญาท้องถิ่น 10. แหล่งน้ำในท้องถิ่น
- วิเคราะห์ Pain point (SWOT, VROI หรือ เครื่องมือวิเคราะห์ ใดๆ ตามเหมาะสม)
- นำเสนอข้อมูลผ่าน Dash Board หรือ G-map โดยเลือก
- หัวข้อ จาก 10 หัวข้อ ใน CBD จัดทำในสไลด์เดียวกัน
โดยกลุ่มบัณฑิตได้เลือกหัวข้อ แหล่งน้ำในชุมชน ได้วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
- สระหนองโคตร
ที่อยู่ : หมู่ 7 บ้านหนองบัวราย ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
ตำแหน่ง x : 14.736379989892422 y:102.79708365487313
ประเภทแหล่งน้ำ : หนอง
คุณภาพของน้ำ : น้อย (ใช้ในการเกษตร/อุตสาหกรรม ปะปาหมู่บ้าน)
ปัญหา : น้ำขุ่น , ลึกและชัน
แนวทางแก้ปัญหา : ปรับสภาพพื้นดินโดยรอบ
- ห้วยลำมาศ
ที่อยู่ : ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
แนวทางแก้ปัญหา : ซ้อมแซมฝายชะลอน้ำ
( ไหลผ่าน หมู่ 5 บ้านหนองตาชี , หมู่ 8 บ้านหนอง
กง , หมู่ 9 บ้านหนองจันทร์แดง , หมู่ 13 บ้านหนอง
สองห้อง )
ตำแหน่ง x : 14.7734292 y: 102.7646936
ประเภทแหล่งน้ำ : ห้วย
คุณภาพของน้ำ : น้อย ( ใช้ในการเกษตร/
อุตสาหกรรม ประปาหมู่บ้าน )
ปัญหา :ช่วงฤดูร้อนน้ำแห้งขอด , ช่วงฤดูฝนน้ำหลาก
ท่วมหมู่บ้าน
แนวทางแก้ปัญหา : ฝ่ายชะลอน้ำ , โรงสูบน้ำไฟฟ้า
3.สระหนองดุม
ที่อยู่ : หมู่ 1 บ้านหนองดุม ตำบลบ้านสิงห์
อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
ตำแหน่ง x :14.7297988 y : 102.8106906
ประเภทแหล่งน้ำ : หนอง
คุณภาพของน้ำ : น้อย ( ใช้ในการเกษตร/อุตสาหกรรม
ปะปาหมู่บ้าน )
ปัญหา : น้ำขุ่นไม่ค่อยสะอาด
แนวทางแก้ปัญหา : มีระบบกรองน้ำเสียก่อนนำไปใช้
4.ลำห้วยน้อย
ที่อยู่ : หมู่ 3 บ้านสิงห์ ตำบลบ้านสิงห์ ( ไหลผ่าน หมู่ 2 หนองขาม , หมู่ 4 บ้านโคก
ไม้แดง , หมู่ 6 บ้านสระหมู , หมู่ 14 บ้านโพธิ์ทอง)
ตำแหน่ง x : 14.7401320 y: 102.8211975
ประเภทแหล่งน้ำ : ฝ่าย
แนวทางแก้ปัญหา : ปรับสภาพพื้นดินโดยรอบ
คุณภาพของน้ำ : ปานกลาง (ใช้ทำการประมง
/ อุตสาหกรรมได้)
ปัญหา : ฝายชำรุด, ต้องรอน้ำจากที่สูงลงที่ต่ำ
แนวทางแก้ปัญหา : ซ้อมแซมฝายชะลอน้ำ
แนวทางการแก้ปัญหา
ซ่อมแซมฝ่ายชะลอนำเพื่อให้ สามารถกักเก็บน้ำอย่างมี ประสิทธิภาพ,เพียงพอต่อ การทำเกษตรในหน้าแล้ง วางทอระบายน้ำเพื่อป้องกันปัญหา น้ำท่วมขังในเขตชุมชนและพื้นที่ทำ การเกษตร ปรับปรุงคุณภาพของน้ำดิบให้เป็น น้ำประปาที่สะอาดและมีคุณภาพ ที่ได้มาตรฐานเพียงพอต่อการ นำไปใช้อุปโภคบริโภค
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
- น้ำอยู่ในลำห้วยได้นานขึ้น มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการทำเกษตรในช่วงหน้าแล้ง
- ระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่หลากเข้าท่วมหมู่บ้าน
- คุณภาพน้ำดีขึ้นและอยู่ในเกณฑ์
- มาตรฐานที่สามารถนำมาใช้อุปโภค
- บริโภคได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
จัดอบรมการทำลูกประคบสมุนไพร ณ ศาลาบ้านหนองบัวราย หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์โดยมีวิทยากรในการอบรมการทำลูกประคบสมุนไพร คือ ดร.วิริญรัชญ์ สื่อนอก อาจารย์ประจำสาขาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยการอบรมอาจารย์วิทยากรจะให้ความรู้เกี่ยวลูกประคบและวิธีการทำลูกประคบโดยมีข้อมูลดังนี้
วัสดุอุปกรณ์
- ผ้าดิบ หรือผ้าฝ้าย ขนาด 40 x 40
- เชือกยาว 200 เซนติเมตร
- ภาชนะสำหรับผสมสมุนไพร
- เครื่องชั่ง
ในสูตรนี้ใช้สมุนไพรแห้ง (สามารถนำสมุนไพรไปตากหรืออบให้แห้งได้)
- ไพล 400 กรัม
- ขมิ้นชัน 100 กรัม
- ตะไคร้ 200 กรัม
- ผิวมะกรูด 100 กรัม
- ใบมะขาม 100 กรัม
- ใบส้มป่อย 50 กรัม
- การบูร 30 กรัม
- พิมเสน 30 กรัม
- เกลือ 60 กรัม
วิธีการทำ
- บดหรือทุบสมุนไพรแห้งพอหยาบ
- ชั่งส่วนผสม 100 กรัม วางลงบนผ้า
- ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
- ห่อผ้าและมัดเชือกให้แน่น
- บรรจุลูกประคบไว้ในถุงเก็บในที่แห้งสามารถเก็บได้ 1 ปี
หลังจากที่ทำลูกประคบเสร็จเรียบร้อยแล้วกิจกรรมลำดับต่อไปเป็นการนวดแผนไทย โดยมีวิทยากรจากคณะแพทย์นวดแผนไทยจากโรงพยาบาลนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการนวดแผนไทย และอบรมวิธีการนวดแผนไทยเบื้องต้น โดยมีข้อมูลดังนี้
ซึ่งข้อห้ามในการนวด ได้แก่
- ห้ามนวดบริเวณที่เป็นมะเร็ง
- ผู้ที่มีไข้สูงเกิน 38.5 องศา
- บริเวณที่มีอาการอักเสบ บวม แดง ร้อน
- ผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- กระดูกแตก หัก ปริ ร้าว ที่ยังไม่หายดี และ
- โรคติดเชื้อทางผิวหนังทุกชนิด
ข้อควรระวังในการนวด ได้แก่
- สตรีมีครรภ์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- ใส่อวัยวะเทียมหลังผ่าตัดกระดูก
- ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน กระดูกบาง และ
- ผู้ที่เพิ่งรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ (ไม่เกิน 30 นาที) และก่อนให้บริการนวดไทย
จุดที่ห้ามนวดเด็ดขาด
คือ ตามแนวกระดูกและหลอดเลือด แนวกระดูกต้นคอ แนวกระดูกสันหลัง บริเวณซี่โครง บริเวณข้างคอ ใต้หู หลังหู และต่อมน้ำเหลืองใต้คาง การนวดบริเวณหลังจะเป็นการนวดตามแนวสันกล้ามเนื้อไม่ใช่บริเวณกระดูกสันหลัง ส่วนจุดที่ต้องระวังคือการกดจุดเปิดประตูลม ควรทำแค่ครั้งเดียวไม่เกิน 45 วินาที และจุดที่เป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทต่างๆเช่น ข้อพับแขน ข้อมือ และข้อพับขา ส่วนข้อควรระวังอื่น คือ กลุ่มเด็ก หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ โรคหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ยังควบคุมอาการให้เป็นปกติไม่ได้ โรคกระดูกพรุนรุนแรง ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดใส่เหล็กและข้อเทียม หรือจุดที่เคยทำศัลยกรรมตกแต่ง บริเวณที่มีการอักเสบจากการติดเชื้อ กระดูกแตก หัก ปริ ร้าว ข้อเคลื่อน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคผิวหนังมีแผลเปิดเรื้อรัง โรคติดต่อระยะแพร่เชื้อ โรคมะเร็ง แผลหลังผ่าตัดยังไม่หายสนิท หลอดเลือดดำอักเสบ เป็นต้น
สรุปการเรียนรู้จากการปฏิบัติงาน
จากการปฎิบัติงานในเดือนพฤศจิกายนนั้นได้ประสบการณ์และความรู้ต่าง ๆ จากกิจกรรมการอบรมทุก ๆ กิจกรรม การติดต่อผสานงานกับชุมชน และการอบรมในแต่ละครั้งได้ความรู้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้และยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมอาชีพทำให้คนในชุมชนสามารถนำความรู้จากการอบรมไปต่อยอดทำให้มีรายได้อีกด้วย และผู้ปฎิบัติงานเองก็ได้ความรู้จากการอบรมเพื่อช่วยต่อยอดผลิตภัณฑ์ของตำบลบ้านสิงห์ให้มีการพัฒนายิ่งขึ้น และรู้เทคนิคการประชาสัมพันธ์สินค้าเพื่อให้ดึงดูดผู้บริโภค และเรียนรู้เรื่องการจัดสรรการรับผิดชอบงานต่าง ๆให้ทันเวลาและทำงานที่ได้รับมอบหมายให้มีประสิทธิภาพ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์ประจำโครงการ และวิทยากรที่ให้ความรู้ในการอบรมในแต่ละครั้ง ขอบพระคุณค่ะ