ดิฉัน นางสาวพรสวรรค์ โกศล ( กลุ่มนักศึกษา )
การปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพิ่มเติมจากเดือนตุลาคม 2564
วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30 น. – 16.00 น. การอบรมการขอมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ คือ การขอ อย. และการขึ้นทะเบียน OTOP และมาตรฐาน มผช. โดยนักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ และนักวิชาการสาธารณสุข ณ ศาลาประชาคม หมู่บ้านหนองบัวราย ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
เวลา 13.30 น. – 14.30 น. อบรม เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มอาชีพพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ OTOP บรรยายโดย นางภัททรวดี มักขุนทด นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ อย.
https://www.fda.moph.go.th/sites/food/SitePages/Manual.aspx
การจัดตั้งกลุ่มอาชีพ พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ OTOP
ความหมายของ “กลุ่ม” หมายถึง การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปมารวมกัน โดยมีการติดต่อสัมพันธ์กัน หรือปฏิสัมพันธ์กัน และมีจุดมุ่งหมายที่จะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน และความสัมพันธ์นี้จะช่วยให้สมาชิกกลุ่มอยู่ร่วมกันได้ในระดับพอดี การที่บุคคลมารวมกันเป็นกลุ่มจะต้องมีลักษณะหนึ่งหรือหลายลักษณะต่อไปนี้
- จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันเสมอ
- แต่ละคนจะถือว่าเป็นคนกันเอง เป็นสมาชิกกลุ่ม
- แต่ละคนในกลุ่มจะยอมรับกันเป็นสมาชิกกลุ่ม
- มีปทัสถานร่วมกัน (น. แบบแผนสําหรับยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ)
- แต่ละคนจะมีบทบาทที่ชัดเจน
- มีการเลียนแบบลักษณะบางอย่างที่ตนคิดว่าเหมาะสมจากสมาชิกในกลุ่ม
- สมาชิกมีความคิดว่ากลุ่มจะต้องให้ผลประโยชน์ต่อสมาชิก
- สมาชิกจะแสวงหาเป้าหมายร่วมกัน
- มีการรับรู้ความเป็นเอกภาพของกลุ่มร่วมกัน
- สมาชิกกลุ่มจะต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของกลุ่ม
ความหมายของ “กลุ่มอาชีพ” การรวมตัวของชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเดียวกัน ดำเนินกิจกรรมด้านอาชีพ กิจกกรมผลิต และจำหน่ายอย่างต่อเนื่องโดยมีคณะกรรมการดำเนินงานของกลุ่ม มีระเบียบข้อบังคับ
การบริหารจัดการกลุ่ม ( 5 ก )
ก 1 : กลุ่ม/สมาชิก ที่มีความสมัครใจพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการดำเนินงานของกลุ่ม
ก 2 : กรรมการ ซึ่งได้รับมอบหมายและเป็นตัวแทนจากสมาชิกให้บริหารกลุ่ม
ก 3 : กฎ/กติกา ระเบียบข้อบังคับกลุ่มเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ระหว่างสมาชิกและคณะกรรมการ
ก 4 : กองทุน ปัจจัย เงินหรือเครื่องมือที่ทำให้กิจกรรมของกลุ่มดำเนินการได้และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของกลุ่ม
ก 5 : กิจกรรม เป็นสิ่งที่ร่วมกันปฏิบัติเพื่อสร้างรายได้ให้ครัวเรือนและชุมชน
การนำกลุ่มอาชีพเข้าสู่ OTOP
จากแนวคิด หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product : OTOP) ที่เน้นกระบวนการ การสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ในแต่ละหมู่บ้าน ชุมชน หรือตำบล เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้แต่ละชุมชน ได้นำทรัพยากรภูมิปัญญาในท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพที่มีจุดเด่นและมูลค่าเพิ่มเป็นที่ต้องการของตลาด สอดคล้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของท้องถิ่น โดยยึดหลักการพึ่งตนเองของชุมชน และรัฐพร้อมที่จะช่วยเหลือในด้านความรู้สมัยใหม่และการบริหารจัดการ เชื่อโยงสินค้าชุมชนสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
ความเป็นมา
รัฐบาลได้ดำเนินโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 และดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับประเทศในส่วนกลางและคณะกรรมการระดับภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
-
- สร้างงานและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน
- เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน
- ส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
- ส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
- ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของชุมชน
ประเภทผลิตภัณฑ์
ประเภทผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่จะนำดำเนินการลงทะเบียนต้องผ่านกระบวนการผลิต โดยใช้ภูมิปัญญาจำนวน 5 ประเภท ดังนี้
1) ประเภทอาหาร หมายถึง ผลผลิตทางการเกษตร และอาหารแปรรูป ซึ่งได้รับมาตรฐาน อย., GMP, HACCP, Qmark, มผช., มอก., มาตรฐานเกษตรอินทรีย์, ฮาลาล และมีบรรจุภัณฑ์เพื่อการจำหน่ายทั่วไป แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
(1) ผลิตผลทางการเกษตรที่ใช้บริโภคสด
(2) ผลิตผลทางการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบ และผ่านกระบวนการแปรรูปเบื้องต้น
(3) อาหารแปรรูปกึ่งสำเร็จรูป/สำเร็จรูป
2) ประเภทเครื่องดื่ม แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
(1) เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
(2) เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
3) ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย
4) ประเภทของใช้/ของตกแต่ง/ของที่ระลึก
5) ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)
“ข้อกำหนดคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยชุมชน มีภูมิปัญญาท้องถิ่นและเอกลักษณ์เฉพาะ อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเป็นที่ยอมรับของผู้ที่เกี่ยวข้อง”
เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
เครื่องหมายการรับรองคุณภาพที่แสดงกับผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดมีลักษณะเป็นรูปมือประสานต่อเนื่องการภายในกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นมุม 45 องศา
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน 2546-2563 ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ 5 ประเภท
1) ประเภทอาหาร
2) ประเภทเครื่องดื่ม
3) ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร
4) ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย
5) ประเภทเครื่องใช้ เครื่องประดับตกแต่ง ศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก
หน่วยรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
-
- สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
- สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.)
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์
97/7 ถ.อินจันทร์ณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร. 044-612934 ต่อ 401-404
ประโยชน์ของการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
-
- ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีขึ้นมีความปลอดภัย
- ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอ
- ผู้ซื้อผู้บริโภคและผู้เกี่ยวข้องตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- สร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ
- เพิ่มโอกาสทางการค้าผู้ผลิตท่อถึงการตลาดได้ง่ายขึ้น
เวลา 14.30 – 16.00 น. อบรม เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มอาชีพพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ OTOP บรรยายโดย นายชยุต ชำนาญเนาว์ นักวิชาการอาหารและยา ปฏิบัติการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
กรณีศึกษาสถานที่ผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชะพร้อมจำหน่ายตามมาตรฐาน Primary GMP
ความปลอดภัย คือ ปลอดภัยจากอันตราย 3 ประการ ได้แก่ กายภาพ เคมี และจุลินทรีย์
หัวใจ 3 ประการ ของการผลิตอาหารที่ปลอดภัย
หัวใจที่ 1 ลดอันตรายเบื้องต้น คัดเลือกวัตถุดิบ ส่วนผสมที่มีคุณภาพดี ใช้ภาชนะบรรจุที่สะอาด และมีการล้างทำความสะอาดรวมทั้งผลิตในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีและเครื่องมือ อุปกรณ์ไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน
หัวใจที่ 2 ลด/ยับยั้ง-ทำลายเชื้อจุลินทรีย์ ใช้ความร้อนฆ่าเชื้ออย่างเพียงพอ
หัวใจที่ 3 ป้องกันการปนเปื้อนซ้ำ โดยการปฏิบัติงานอย่างถูกสุขลักษณะ แยกระหว่างของสุกและของดิบ
Primary GMP
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 342) พ.ศ.2555 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือ เครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.fda.moph.go.th
กำหนดหลักเกณฑ์การตรวจประเมินสถานที่ฯ 6 หมวด หลักเกณฑ์ Primary GMP
- สถานที่ตั้งและอาคารผลิต
- เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต
- การควบคุมกระบวนการผลิต
- การสุขาภิบาล
- การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด
- บุคลากรและสุขลักษณะผู้ปฏิบัติงาน
วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม 2564 เข้าร่วมการเสวนา เรื่อง จตุรภาคีสี่ประสาน สู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน (Quadruple Helix) เสวนาออนไลน์ ผ่านระบบ Zoom เวลา 09.00-12.00 น.
วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2564 การลงพื้นที่อบรมการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ เรื่อง ตลาด Online สำหรับผู้ประกอบการ วิทยากรบรรยายโดย อาจารย์ปิติวรรณ ฝ้ายโคกสูง สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดออนไลน์ การทำการตลาดสามารถทำได้โดยใช้สื่อออนไลน์ในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจหรือสินค้า เช่น Facebook, Instagram, Google เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น การสร้างเพจ “บ้านสิงห์ ของดีบอกต่อ” และการสอนเทคนิคการโพสต์ขายสินค้าอย่างไรจึงจะน่าสนใจดึงดูดลูกค้า
การปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564
วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ประชุมแผนการปฏิบัติงานเพื่อการแบ่งหน้าที่การรับผิดชอบในการจัดเก็บข้อมูล CBD เพิ่มเติม และการวิเคราะห์ Pain Point (SWOT, VROI หรือเครื่องมือวิเคราะห์ใดๆ ตามเหมาะสม) การจัดทำ PowerPoint นำเสนอข้อมูลผ่าน Dash Board หรือ G-Map โดยเลือก 3 หัวข้อจากทั้งหมด 10 หัวข้อใน CBD ได้แก่ แหล่งน้ำ อาหาร ภูมิปัญญา
วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 การลงพื้นที่อบรมการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในระดับตำบล ณ ศาลากลางบ้านหนองบัวราย ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ การทำลูกประคบสมุนไพรและการนวดแผนไทย
วิทยากรสาธิตการทำลูกประคบสมุนไพร : ดร.สุกัญญา ทองขัน และ ดร.วิรัญรัชน์ สื่อออก อาจารย์จากสาขาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
สมุนไพรสำหรับทำลูกประคบ ใช้สมุนไพรสดหรือแห้งก็ได้แต่ต้องไม่มีรา
กลุ่มน้ำมันหอมระเหย (ใช้อย่างน้อย 3 อย่าง)
- ไพล ช่วยลดอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก คลายกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบ ฟกช้ำ บวม
- ตะไคร้ แต่งกลิ่น ลดอาการฟกช้ำ ลดอาการปวดเมื่อย
- ขมิ้นอ้อย ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
- ขมิ้นชัน ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
- ผิวมะกรูด มีน้ำมันหอมระเหย แก้วิงเวียน (ถ้าไม่มีใช้ใบแทนได้)
- ผิวส้ม บรรเทาลมวิงเวียน
- ข่า รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน
กลุ่มที่มีรสเปรี้ยว (กรดอ่อนๆ)
- ใบมะขาม ช่วยให้เส้นเอ็นหย่อน แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ช่วยบำรุงผิว
- ใบขี้เหล็ก ช่วยละลายไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยบำรุงผิว
- ใบส้มป่อย ช่วยบำรุง แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน
กลุ่มสารที่มีกลิ่นหอม จะระเหยเมื่อถูกความร้อน
- การบูร แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ
- พิมเสน แต่งกลิ่น ลดอาการพุพองผดผื่น บำรุงหัวใจ
- เกลือ ช่วยดูดความร้อน และช่วยพาให้ตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้ดีขึ้น
การเก็บรักษาลูกประคบ
- เก็บไว้ในที่แห้ง ไม่มีฝุ่น
- สำหรับลูกคบสมุนไพรสด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 3-5 วัน
การใช้งาน
- สำหรับลูกประคบแห้ง ควรพรมน้ำบนลูกประคบก่อนนำไปนึ่ง
- นำลูกประคบที่ได้ไปนึ่งในหม้อนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
การทำลูกประคบสมุนไพร
วัสดุและอุปกรณ์ (สำหรับลูกประคบจำนวน 10 ลูก)
- ผ้าดิบหรือผ้าฝ้าย ขนาด 40×40 เซนติเมตร
- เชือก ยาว 200 เซนติเมตร
- ภาชนะสำหรับผสมสมุนไพร
- เครื่องชั่ง
สูตรนี้ใช้สำหรับสมุนไพรแห้ง (สามารถนำสมุนไพรสดไปตากหรืออบแห้งได้)
- ไพล 400 กรัม
- ขมิ้นชัน 100 กรัม
- ตะไคร้ 200 กรัม
- ผิวมะกรูด 100 กรัม
- ใบมะขาม 100 กรัม
- ใบส้มป่อย 50 กรัม
- การบูร 30 กรัม
- พิมเสน 30 กรัม
- เกลือ 60 กรัม
วิธีการทำลูกประคบ
- บดหรือทุบสมุนไพรแห้งพอหยาบ
- ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
- ชั่งส่วนผสม 100 กรัม วางลงบนผ้า
- ห่อผ้าและมัดเชือกให้แน่น
- บรรจุลูกประคบไว้ในถุง เก็บในที่แห้ง สามารถเก็บได้ประมาณ 1 ปี
วิทยากรสาธิตการนวดแผนไทย : คุณสิริเพ็ญ มาตา และขนิษฐา สิงห์สถิตย์ จากโรงพยาบาลนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
การนวดไทยหรือหัตถเวชกรรมไทย มี 2 ประเภท คือ การนวดราชสำนัก และการนวดเชลยศักดิ์ การนวดราชสำนักใช้นิ้วและอุ้งมือในการนวดเพื่อรักษาเท่านั้น ไม่สามารถใช้เท้าหรือศอกได้ การนวดไทยในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ใช้ในการนวดราชสำนักซึ่งมีทั้งการนวดเฉพาะจุด เช่น การนวดบ่าหรือไหล นวดฝ่าเท้า เป็นต้น และการนวดทั้งตัว ผู้ป่วยที่มานวดจะต้องไม่มีไข้ ความดันโลหิตปกติ ไม่มีภาวะอดนอน หรือรับประทานอาหารอิ่มเกินไป และไม่นิยมนวดในสตรีขณะมีประจำเดือน (ธีรยา นิยมศิลป์ และณัฏฐิญา ค้าผล.การให้บริการด้านการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข.วารสารไทยไภษัชยนิพนธ์.2553 : 182.)
วิธีนวดชนิดต่างๆ
- การกด มักจะใช้นิ้วมือเป็นการนวด โดยทั่วไปนิยมใช้นิ้วหัวแม่มือเป็นตัวหลัก เทคนิคการวางนิ้วอาจจะกดลงไปตรงๆ ด้วยกลางนิ้วบริเวณข้อต่อที่ 2 ไม่ใช้บริเวณปลายนิ้วกด อาจกดเพียงนิ้วเดียว หรือใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองวางคู่กันกดลงไปก็ได้ เทคนิคการกดนั้น มักจะใช้กับบริเวณที่เป็นจุดเฉพาะ ซึ่งจะลงน้ำหนักได้แม่นยำตรงจุด ใช้กับการนวดกล้ามเนื้อทั่ว ๆ ไป
- การคลึง คือ การหมุนวนเป็นวงกลมขณะนวด พร้อมยังมีการเคลื่อนที่ไปรอบๆบริเวณนั้นด้วย โดยมักจะใช้กับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ต้องออกแรงมากโดยใช้นิ้วมือฝ่ามือ หรือสันมือในการคลึงก็ได้ กล้ามเนื้อจะผ่อนคลายได้ดีเราจะรู้สึกสบายเป็นวิธีการที่นุ่มนวลไม่รุนแรง
- การบีบ วิธีนี้ใช้กันอยู่บ่อยๆ คือการใช้แรงกระทำต่อกล้ามเนื้อโดยตรง ต้องการให้กล้ามเนื้อทั้งมัดนั้นมีการผ่อนคลาย มักจะใช้กับกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น แขน ขา หลัง เป็นต้น และใช้กับกล้ามเนื้อที่มีอาการเกร็งตัวได้ดี
- การบิด คือการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อให้ไปในแนวขวางเป็นการยึดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อต่างๆ โดยจับกล้ามเนื้อให้เต็มฝ่ามือ แล้วบิดหมุนเป็นลูกคลื่นไปตามกล้ามเนื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่น แขน ขา และหลังเป็นต้น
- การดัด มักจะใช้กับข้อต่อที่มีการติดแข็ง หรือมีอาการขัดในข้อ เทคนิคนี้ค่อนข้างต้องใช้ความชำนาญสูงเพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่าย ทั้งต่อเยื่อพังผืด เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และข้อต่อ
- การดึง เป็นการหยิบกล้ามเนื้อยืดออก มักใช้กับรายที่มีการหดรั้งของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นต่างๆ เทคนิคดึงนี้ก็ต้องใช้ความชำนาญเหมือนกัน เพราะจะเกี่ยวข้องกับข้อต่อซึ่งบริเวณที่บาดเจ็บนั้นจะอ่อนแอ และอาจฉีกขาดได้ง่าย ถ้าเราใช้แรงดึงที่มากเกินไป
- การทุบ การเคาะ และการสับ เป็นการออกแรงอย่างเป็นจังหวะ อาจใช้กำปั้นหลวมๆ ใช้สันมือหรือใช้ฝ่ามือ เคาะสับลงไปตรงบริเวณที่ต้องการเป็นจังหวะ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยมากจะใช้กับกล้ามเนื้อใหญ่ๆ เช่น หลัง คอ บ่า ไหล่ เป็นต้น
- การเหยียบ มักใช้กับกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น แขน ขา หลัง แต่อาจเกิดอันตรายได้ง่าย เนื่องจาก การเหยียบนั้นกะน้ำหนักได้ไม่ค่อยแม่นยำนัก มักจะออกแรงมากเกินไป ทำให้เกิดการบาดเจ็บจากการนวดขึ้นได้ ถ้าจะใช้เทคนิคนี้ต้องแน่ใจในฝีมือจริงๆ และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยจึงจะใช้ได้
ประโยชน์ของการนวด
- ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนคล่อง เพื่อให้เลือดสามารถนำออกซิเจน ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายได้อย่างทั่วถึง
- ขับของเสีย ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำเหลือง เพื่อไม่ให้มีการสะสมของเสียไว้ในร่างกาย สุขภาพก็ดีขึ้น
- แก้อาการปวดต่างๆ เช่นปวดยอก ปวดคอ ปวดหลัง ปวดสะโพก อาการชา เนื่องจากไหลเวียนเลือดไม่ดี เป็นต้น
- ช่วยคลายการปวดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ สลายพังผืด ที่เป็นต้นเหตุในของขัดการไหลเวียนของเลือดและทำให้เกิดการอักเสบปวดกล้ามเนื้อ
- แก้ไขในส่วนที่เป็นต้นเหตุของการเจ็บปวด ซึ่งช่วยให้การเคลื่อนไหวร่างกายให้เป็นปกติ
- เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ / กล้ามเนื้อ ปรับสมดุลของร่างกาย
- ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายอารมณ์ สุขภาพจิตดี อารมณ์สงบ นอนหลับได้ง่ายขึ้น และหายจากอาการซึมเศร้าได้
ข้อห้าม และสิ่งที่ควรระวังจากการนวด
- ห้ามนวดบริเวณที่เป็นมะเร็ง
- ห้ามนวดบริเวณที่บาดเจ็บหรืออักเสบเฉียบพลัน บวม แดง ร้อน
- ห้ามนวดผู้ป่วยภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เป็นโรคเลือดต่าง ๆ มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำอย่างรุนแรง
- ห้ามนวดคนที่มีภาวะกระดูกแตก หัก ปริ ร้าว ที่ยังไม่หายดี หรือตำแหน่งที่มีการผ่าตัดกระดูกและยังไม่ประสาน
- ห้ามนวดคนโรคติดเชื้อทางผิวหนังทุกชนิด
- สตรีมีครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของทารกและตัวคุณแม่เอง
- ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน กระดูกบาง
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่ใส่อวัยวะเทียม
สรุปการปฏิบัติงานเดือนพฤศจิกายน เนื่องด้วยผู้ปฏิบัติงานและคนในพื้นที่ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 พอสมควร จึงทำให้มีการลงพื้นที่สำหรับปฏิบัติงานได้สะดวกมากขึ้น แต่ยังคงมีการรักษามาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 19 มีการวางแผนการรับมือ และป้องกันตนเองกับสถานการณ์ฯ อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำขึ้น และสำหรับการปฏิบัติงานในเดือนพฤศจิกายนก็ได้มีการอบรมการขอมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ อบรมการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ อบรมการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในระดับตำบลการทำลูกประคบสมุนไพรและการนวดแผนไทย