1. หน้าแรก
  2. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
  3. HS05 - ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ
  4. ทางเลือกใหม่ของการขายสินค้า (การขายสินค้าออนไลน์) HS05การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ นางสาว พรพรรณ สงคราม

ทางเลือกใหม่ของการขายสินค้า (การขายสินค้าออนไลน์) HS05การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ นางสาว พรพรรณ สงคราม

โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1ตำบล 1 มหาวิทยาลัย)

 

“โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้กับประเทศ”

หลักสูตร HS05 การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน

ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์

ข้าพเจ้านางสาวพรพรรณ  สงคราม ผู้ปฏิบัติงานกลุ่มประชาชน ปฏิบัติงานประจำตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ รับผิดชอบเขตพื้นที่บ้านหนองนกเขียน และบ้านหนองไผ่ล้อม ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ จัดทำ หลักสูตร HS05: การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืนโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้กับประเทศการปฏิบัติงานประจำเดือน สิงหาคม 2564

 

วันที่ 18 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ ณ อาคาร 25 ห้องประชุมมนุษย์และสังคมวัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ในหัวข้อเรื่อง การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมลายขิดยกดอก และการทำการตลอด Online โดยได้รับเกียรติจาก ว่าที่ร้อยตรี อานนท์ ด่านดอน รองผู้จัดการบ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เป็นผู้บรรยายถ่ายทอดให้ความรู้ ซึ่งช่วงต้นของการอบรมท่านวิทยากรได้ให้ผู้ปฏิบัติงานได้วิเคราะห์จุดเด่น และจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังแนะนำ สอดแทรกกระบวนการคิดว่า ทำอย่างไรผลิตภัณฑ์จึงจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

และภายในการอบรมมีการจัดกิจกรรมโดยให้ผู้ปฏิบัติงานแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มตามกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่มคือ

กลุ่มที่ 1 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

กลุ่มที่ 2 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด

กลุ่มที่ 3 นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวและซื้อของที่ระลึกภายในสนาม Chang Arena

กลุ่มที่ 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ที่เข้ามาใช้บริการห้องพักหรือประชุมสัมมนา ในโรงแรมพนมพิมาน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

โดยให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของตนเองว่ากลุ่มเป้าหมายนี้มีความต้องการผลิตภัณฑ์ในรูปแบบได ควรออกแบบรูปแบบผลิตภัณฑ์ในลักษณะใดจึงจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และสินค้าประมาณนี้ควรตั้งราคาเท่าไหร่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าแก่ผู้ซื้อ และผู้ขายยังมีกำไรอยู่ได้ หลังจากผู้ปฏิบัติงานวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายเสร็จวิทยากรได้แทรกกลไกลการตั้งราคาสินค้าเพิ่มเติม รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นจากการนำผ้าไหมลายขิดยกดอกมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และได้ เรียนรู้การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายโดยอย่างแรกต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายว่าจะขายให้ใคร โดยหลักวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย มี 4 เคล็ดลับที่จะมาช่วยในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า ให้เรารู้ลึกรู้จริง
1 WHO ใครคือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรา แล้วเราต้องวิเคราะห์อะไรบ้าง ก่อนอื่นเลยเราต้องวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าก่อน เช่น เพศ ช่วงอายุ อาชีพ รายได้ Lifestyle เป็นต้น
2 WHAT สินค้าหรือบริการของเราสามารถช่วยอะไรให้ลูกค้าเราได้บ้าง ลูกค้าต้องการอะไร เช่น ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้า ช่วยให้ความสะดวกสบาย ช่วยให้ดู ช่วยให้เกิดประสบการณ์ที่ดี ช่วยให้ความรู้สึกแตกต่างจากสิ่งที่เคยใช้มาก่อน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการของเราด้วยว่าเป็นประเภทอะไร ต้องตีโจทย์ของเราให้แตกก่อน เมื่อเรารู้ว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราต้องการอะไร เราก็สามารถผลิตให้โดนกับกลุ่มเป้าหมายเราได้
3 WHY ทำไมลูกค้ากลุ่มเป้าหมายถึงต้องซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ โดยเราต้องคิดในฐานะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายว่า เขาคิดอะไรเมื่อเจอสินค้าหรือบริการคล้ายๆกัน เช่น
– เลือกยี่ห้อไม่ถูกเลย ซื้อยี่ห้อไหนดี
– กลัวซื้อแล้วใช้ไม่ดี
– แพงกว่าแบรนด์นั้นอีก มันดีกว่ายังไงนะ
เป็นต้น
หลังจากที่เราวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียดแล้ว ขั้นต่อมาเราต้องทำให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย รู้ให้ได้ว่าสินค้าหรือบริการของเราแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร เคลียร์ข้อสงสัยที่เขามีต่อสินค้าหรือบริการ ทำออกมารูปแบบคอนเทนต์ หรือ จะทำโฆษณาก็ได้
4 HOW ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสามารถซื้อสินค้าหรือบริการของเราได้อย่างไร หลังจากที่เราวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือบริการของผู้บริโภคแล้ว เราก็ต้องนำมาสื่อสารในการทำโฆษณา หรือ การ PR ของแบรนด์เราว่า ซื้อขายผ่านช่องทางไหนได้บ้าง
วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

หลังจากการอบรมในวันที่18 กรกฏาคม2564 ที่ผ่านมานั้น ทำให้ข้าพเจ้าสนใจที่จะศึกษา หาความรู้เกี่ยวกับการขายสินค้าออรนไลน์ เพิ่มมากขึ้น โดยได้เข้าศึกษาหาความรู้จากเว็บไๆซต์ต่างๆ มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลจาก https://www.page365.net/9-things-for-starting-online-store

9 อย่างที่ควรมี ก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์มาบอกคุณผู้อ่าน เพื่อให้ได้เตรียมตัวก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์

1. ชื่อร้าน

ขายของออนไลน์ ชื่อร้านต้อง อ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู ค้นหาเจอ

หลายคนคิดว่าการตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง จะตั้งชื่อร้านอะไรก็ได้ตามใจชอบ ยิ่งถ้าแปลกไม่ซ้ำใครยิ่งดี (บางทีถึงกับเปิดดิกชันนารีหากันด้วยซ้ำ) แต่หารู้ไม่ การตั้งชื่อร้านต้องมีเทคนิคนั่นก็คือ ต้องอ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู และต้องค้นหาเจอง่าย

  • อ่านง่าย ชื่อที่ออกเสียงยาก ไม่คุ้นหูคนไทย มีผลทำให้ลูกค้าไม่จดจำร้าน หรือบางทีก็ไม่กล้าแนะนำร้านคุณกับคนรู้จัก เพราะกลัวออกเสียงผิด! เท่ากับคุณเสียโอกาสได้ลูกค้าใหม่ไปอีกคน

  • จดจำง่าย คุ้นหู ชื่อร้านที่ดีควรทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย เห็นปุ๊บจำปั๊บยิ่งดี ข้อนี้ก็แล้วแต่ความครีเอทของแต่ละคนเลยค่ะว่าจะใช้ไม้ไหน ไม่ว่า ตั้งชื่อร้านให้สัมพันธ์กับสินค้าที่ขาย เช่น ถ้าคุณขายนาฬิกาและตั้งชื่อให้มีคำว่า Time หรือ Watch ลูกค้าก็จะสามารถจดจำและหาร้านของคุณเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือใช้เทคนิคใช้ศัพท์ที่เรียกความสนใจ เช่น ‘คนอะไรเป็นแฟนหมี’ (นั่นดิ..คนอาร๊ายเป็นแฟนหมี อยากรู้ไหมล่ะ)

  • ค้นหาเจอง่าย สมัยนี้ไม่มีใครจะหาอะไรก็ต้องถามอากู๋ Google หรือ Facebook กันทั้งนั้นแหละค่ะ ยิ่งถ้าเราคิดชื่อได้ตรงกับคำศัพท์ที่ลูกค้าใช้ค้นหา (Search) ก็ยิ่งมีโอกาสทำให้ลูกค้าหาร้านเราเจอง่ายขึ้น

2. สินค้า

เลือกจากสิ่งที่ชอบ เลือกจากสิ่งที่ใช่

  • เลือกจากสิ่งที่ชอบ เลือกจากสิ่งที่คุณชอบ เพราะเวลาขายคุณจะสามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างชัดเจน นี่ยังไม่นับไปถึงความสุขที่คุณจะได้ทำสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ จนรู้สึกมีความสุขจนเหมือนไม่ได้ทำงานเลยนะ

  • เลือกจากสิ่งที่ใช่ แต่ถ้าคุณไม่ได้ชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากมีร้านค้าเป็นของตัวเอง คุณอาจจะเริ่มโดยการสำรวจตลาดว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นที่ต้องการและน่าจะทำกำไรได้ดี ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่คนส่วนมากหันมาใช้สมาร์ทโฟน การขายแบตสำรองหรือเคสโทรศัพท์มือถือก็เป็นความคิดที่ไม่เลว หรือจะหาไอเดียได้ที่ ขายอะไรดี ? รวมไอเดียสินค้าน่าขายออนไลน์

3. เงินทุน

ต้นทุนการขายของออนไลน์ ไม่ได้มีแค่ค่าสินค้าเพียงอย่างเดียว

เงินที่คุณจะนำมาลงทุนในการเริ่มร้านออนไลน์ไม่ควรจะครอบคลุมแค่ค่าสินค้าที่คุณจะสั่งมาขาย แต่ควรรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณอาจต้องเสีย เช่น ค่าจัดส่ง ค่าแพ็กสินค้า ค่าโฆษณา ฯลฯ ดังนั้น คุณควรวางแผนให้ดี ว่าเงินทุนของคุณนี้จะสามารถทำให้คุณดำเนินการได้แบบไม่ต้องไปขอยืมคนอื่นทีหลัง ยิ่งถ้าคุณคิดจะลาออกจากงานประจำมาขายของออนไลน์ด้วยแล้ว คุณยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ

4. จุดยืนของร้าน

วางแผนร้านให้ชัดเจน

เมื่อมีสินค้าแล้ว ก็ถึงเวลาคิดว่าสินค้าของคุณเหมาะที่จะขายส่งหรือขายปลีกมากกว่ากัน บางครั้งการเลือกขายสินค้าส่งในราคาถูก เอากำไรน้อย อาจทำให้คุณรวยแบบไม่รู้เรื่องก็ได้ ในขณะที่สินค้าบางอย่าง เช่น สินค้าแฟชั่น ก็เหมาะที่จะขายปลีกแบบเอากำไรสูง

5. ช่องทางขายสินค้า

ขายที่ไหนบ้าง? FACEBOOK, INSTAGRAM หรือ LINE@

ช่องทางการขายว่าเราจะเปิดร้านออนไลน์และขายสินค้าของเราบนไหน ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีต่อผลต่อความสำเร็จของร้าน เพราะแต่ละช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แตกต่างกัน

  • ขายบนเพจ Facebook เป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด คนขายนิยมสูงสุด และก็เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเราได้มากที่สุดเช่นกัน เพราะสมัยนี้ใครๆก็เล่น Facebook กันทั้งนั้น ทำให้สินค้าเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมาก ยิ่งปัจจุบัน Facebook เปิดให้ลงโฆษณา (Facebook Ads) ที่สามารถตั้งงบที่ใช้ลงโฆษณาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายเองด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เปิดเพจขายของบน Facebook ยิ่งฮอตฮิตเข้าไปใหญ่ ทำให้คนหายกลายเป็นเศรษฐีมาแล้วมากมาย

  • ขายบน Instagram เป็นอีกช่องทางที่เริ่มนิยมเป็นอันดับถัดมา โดยจะเน้นการขายผ่านรูปภาพ ลงรายละเอียดได้ไม่มากเหมือน Facebook ดังนั้นหากจะขายผ่านช่องทางนี้ คุณต้องมีฝีมือในการถ่ายภาพสินค้าในระดับนึงเลยแหละถึงจะปัง แต่ถ้ายังฝีมือไม่เข้าขั้นก็ฝึกฝนกันได้นะคะ

  • ขายผ่าน LINE และ LINE@ ช่องทางนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจและควรมี แต่นั่นต้องหลังจากที่คุณมีเพจ Facebook หรือ ร้านบน Instagram แล้วนะคะ เพราะช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ร้านสามารถแชทตรงกับลูกค้าได้เลย ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้คุยกับคนเป็นๆ มากกว่า ร้านค้าส่วนใหญ่จึงใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเก่า เช่น การอัปเดตสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ โปรโมชั่นล่าสุด ฯลฯ

6. แผนการตลาด

จุดขายดึงดูด ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย

แผนการตลาด เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดชะตาของร้านคุณ เพราะถึงคุณจะมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูก แต่ถ้าไม่มีใครรู้จักร้านของคุณก็ไม่มีประโยชน์ คุณจึงควรวางแผนให้ดีว่าจะโปรโมตร้านค้าหรือสินค้าของคุณอย่างไร จะดึงดูดลูกค้าอย่างไร และจะทำให้อย่างไรให้ร้านคุณที่เพิ่งเปิดใหม่เอาชนะร้านอื่นๆ ที่เปิดมาก่อนหน้าคุณได้ การวางแผนการตลาดอาจเริ่มจากขั้นตอนต่อไปนี้

  • วาดภาพเป้าหมายให้ชัดเจน

  • มีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น เมื่อเปิดเพจแล้วจะทำให้คนรู้จักอย่างไร

  • วางงบประมาณที่จะใช้เพื่อทำให้ขั้นตอนต่างๆ สำเร็จ

  • วางกำหนดเวลาเพื่อประเมิน ตรวจสอบ และปรับปรุงแผน

7. ช่องทางการชำระเงิน

ยิ่งเยอะยิ่งดี ถ้าขายของแพงรับบัตรเครดิตได้ยิ่งเริ่ด

การชำระเงินควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า คุณควรเปิดบัญชีสำหรับร้านของคุณกับธนาคารที่คนส่วนใหญ่ใช้บริการ แทนที่จะเลือกธนาคารที่ไม่เป็นที่นิยมแต่ให้ดอกเบี้ยดี นอกจากนี้ ถ้าคุณวางแผนจะขายสินค้าให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ คุณก็ควรมีบัญชีที่รองรับการโอนเงินจากต่างประเทศ (และมีแผนสำหรับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบที่คุณไม่ขาดทุน) บัญชี Paypal นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีและสามารถสมัครใช้งานง่าย

8. ความอดทนและมุ่งมั่น

คิดไว้เราต้องทำได้

หลายคนเริ่มธุรกิจด้วยความรู้สึกอยากรวยเร็ว เราหวังให้การลงทุนของเราผลิดอกออกผลเป็นกำไรตั้งแต่วินาทีที่เราเริ่มเปิดร้าน แต่นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความเพ้อฝัน เพราะเมื่อคุณเริ่มเปิดร้าน เป็นไปได้ว่าคุณจะไม่มีลูกค้าเลยในอาทิตย์แรกๆ (ไม่นับเพื่อน ญาติ และคนรู้จัก) อาจมีลูกค้าหลายคนมาให้ความสนใจสินค้าของคุณแต่ก็จากไป คุณจะเริ่มสงสัยว่าคุณทำอะไรผิด บางครั้งอาจถึงขั้นอยากลดราคาแล้วขายทุกอย่างเพื่อให้คืนทุน อย่าทำแบบนั้น คุณต้องมั่นใจและหมั่นตรวจสอบแผนการตลาดของคุณว่าได้ผลตามคาดหรือไม่ และหัดปรับเปลี่ยน ทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเรียกลูกค้า และอย่าท้อแท้

9. เวลา

ยิ่งเร็ว ยิ่งได้เปรียบ

ถ้าคุณเตรียมตัวจะยึดการขายของออนไลน์เป็นอาชีพก็แล้วไป แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ยังต้องทำงานประจำ คุณควรวางแผนบริหารเวลาให้ดี เพราะบางที “ความอยากได้” ของลูกค้าก็มีระยะเวลาจำกัด การที่คุณไม่สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันเวลา อาจหมายถึงการเสียลูกค้าไป

2.ข้อมูลจาก https://pantip.com/topic/34122949

ขั้นตอน กรณีที่จะขายสินค้าใดๆ ทางออนไลน์
1. เลือกสินค้าที่เรากะว่าจะขาย เลือกจากอะไร พี่แนะนำให้เลือกจากสิ่งที่เราถนัด เพื่อให้เราสามารถค้นหาได้ว่าถูกทางและง่ายขึ้นว่า สินค้าที่แตกต่างจะหาได้จากแหล่งไหน แตกต่างอาจรวมถึง ราคาที่ถูกกว่า เช่น เสื้อยืด ที เชิร์ตธรรมดา พี่หาซื้อได้ มือ 1 ตัวละ 20 บาทเท่านั้น ซื้อตัวเดียวก็ขายด้วย แต่เป็นแบบคละๆ กัน นั่นคือถูกที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา ใส่ไปไหนได้ไม่อายใคร ถ้าขายตัวละ 80 คงขายได้อยู่ แต่จะคาดหวัง ให้สวยเลิศแบบเสื้อยี่ห้อ ย่อมเป็นไปไม่ได้

2. ค้นหาแหล่งขายส่ง ที่เหมาะที่สุดสำหรับเรา บางแห่งอาจถูกมาก แต่เงื่อนไขหลายอย่างอาจไม่ใช่สำหรับคนทุนน้อย บางแห่ง ขายแพงหน่อยแต่ส่งฟรี ดังนั้น ต้องค้นหานะคะ พี่มีแหล่งของอยู่บ้าง แต่ก็เป็นของตามความสนใจของพี่เอง ว่างๆ จะลองโพสต์ดู ต้องขอเวลาหาก่อน เพราะยังไม่มีเวลาเก็บรวบรวม

3. เมื่อรู้แล้วว่าจะสั่งจากรายไหน ให้ลองนำสินค้านั้นมาหาราคาขายจากคู่แข่งในไทย โดยเซิร์สจากกูเกิ้ลนี่แหละ แล้วดูว่า รายอื่นๆ เค้าตั้งราคาขายกันที่เท่าไหร่ ถ้าคุณสั่งมา ก็จะคาดการณ์ได้ว่าจะตั้งราคาขายที่เท่าไหร่ อาจไม่จำเป็นต้องถูกกว่าเสมอไป ควรกำหนดเองแบบเผื่อขายไม่หมด บวกค่าความเสี่ยงไว้สัก 20% โดยทั่วไป การตั้งราคาจะบวกจากราคาทุนไปอีกอย่างน้อย 30 – 35%  ราคาทุนหมายถึงรวมทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะค่าส่งไปรษณีย์ ค่าเดินทาง บางคนคิดละเอียดรวมค่าแรงตนเองเข้าไปด้วย ทีนี้ก็ข้นอยู่กับคุณว่า รวมราคาทุนแล้วบวกกำไรแล้ว ดูจากราคาตลาดทั่วไปแล้วจะตั้งราคาขายที่เท่าไหร่ ขายถูกก็กำไรน้อยหน่อย แต่จะคุ้มคุณไหม เราตอบแทนคุณไม่ได้นะ ถ้าของเราดีพอ เราอาจขายแพงกว่าคนอื่นบ้าง ทำนองนั้นค่ะ

4. สมมติว่า รู้ราคาสินค้าที่จะขายแล้ว มีอีกทางหนึ่งที่จะขายแบบไม่ต้องลงทุนก่อน คือ พรีออเดอร์ หมายถึงมีคนสั่ง มีคนโอนเงินมาให้เราแล้ว เราค่อยโอนเงินค่าของไปให้ต้นทาง ใครจะเป็นคนส่ง ต้นทางจะส่งมาให้เรา หรือ จะส่งตรงไปที่ลูกค้าเราเลยก็ตามตกลงกัน แต่ส่วนมากต้นทางจะส่งให้เพราะไม่งั้นก็เท่ากับทำงาน 2 ต่อ ต้องบวกค่าส่งของเพิ่มเข้าไปอีก หลักการขาย พรีออเดอร์ คือ ต้นทางที่เราจะสั่งสินค้าต้องเชื่อถือได้ ออนไลน์หลอกกันง่ายๆ มีเยอะ หากเรารับเงินมาแล้ว สั่งของไปแล้ว เกิดต้นทางบอกว่าต้องรอนานกว่าเดิม หรือแย่กว่านั้น คือปิดร้านหนีไปเลย (โดนมาแล้วนี่เรา) ทีนี้ ลูกค้าที่สั่งจากเราอาจไม่พอใจได้ ก็เหมือนที่เราซื้อของจากคนอื่นนั่นแหละ คนซื้อของที่โอนเงินมาแล้ว เค้าไม่สนหรอกว่า คนที่ประกาศขายจะเอาของจากไหนมาขาย เพราะเราอาจระบุไปแล้วว่า ชุดสวยจากจีน นั่นแหละ เค้าไม่ได้สนใจว่าจะไปเสาะหามาจากพ่อค้า แม่ค้ารายไหนจากจีน เมื่อ คนซื้ออ่านเงื่อนไขแล้ว พอใจซื้อ ตกลงโอนเงินแล้ว ย่อมคาดหวังที่จะได้ของตามแบบที่สั่ง ตามเวลาที่กำหนด ทำการค้าต้องให้ความสำคัญกับลูกค้า แต่ลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป ไว้ค่อยว่ากันเรื่องนี้

พรีออเดอร์ ที่เราคิดจะขายเอง คือ เบล เพอร์ฟูม เค้าให้เปอร์เซ็นต์ ต้องสั่งเค้าขั้นต่ำครั้งละ 500+ บาท สั่งสัปดาห์ละครั้ง (ขายพรีออเดอร์ควรกำหนดรอบส่งสินค้าให้ชัดเจน) เค้าขายน้ำหอม ที่ อั้ม มาริโอ้ ชมพู่ เป็นพรีเซนเตอร์ ราคาเริ่มต้นขายปลีกชิ้นละแค่ 200 บาท ความน่าเชื่อถือดีแน่เพระาทำธุรกิจมาแล้วนับสิบปี มีน้ำหอมแท้ แบบที่ไม่ใช้ดาราเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย แต่ชื่อน้ำหอมคนก็ไม่รู้จักเท่าแบรนด์ดัง ดังนั้น เราจึงแนะนำสินค้าที่ดาราเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะแนวโน้มขายได้มากกว่า คนรู้จักง่ายกว่า ราคา/ ชิ้นไม่แพง คนตัดสินใจง่ายกว่า เงื่อนไขบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลง เราคุยกับเค้านานแล้ว การโปรโมท เค้าให้เซฟรูปจากเว็บเค้าได้ แต่เรายังไม่ได้เจาะรายละเอียดว่ามีข้อห้ามอะไรอื่น ทางลิขสิทธิ์อีกไหม คุณหาเบอร์จาก http://www.belperfumes.com/ ตามนี้นะ พรีออเดอร์อื่นๆ ก็มี แต่พี่ไม่มีเวลาไปติดตามความน่าเชื่อถือ จึงไม่กล้าแนะนำ คงต้องตัดสินใจและเลือกเองนะ และพี่ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัทฯ นี้ พี่จะขายของ และรู้จักน้ำหอมนี้มาก่อน เห็นว่าขายง่าย เพราะถูก และผู้หญิงก็รักสวยรักงามอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่เอาสินค้าราคาเกินเอื้อมมาขาย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่า คนมีตังค์ก็มีสิทธิ์ตัดสินใจด้วย  เพราะชื่อน้ำหอมที่ใช้ดารามานำ ก็รับประกันคูณภาพได้ระดับหนึ่ง

5. มาถึงเรื่องโปรโมทให้คนรู้จัก พี่เองคิดจะใช้เฟสบุ๊ค แบบไม่เสียตังค์ด้วย คนที่เค้าทำเป็นรายได้เสริมจริงๆ ก็มี แต่ถ้าจะให้จริงจังแบบคาดหวังยอดขายมากๆ อาจต้องใช้โฆษณาช่วยให้คนรู้จักได้มากๆ ถ้าไม่ใช้โฆษณาเลยกว่าจะมีแฟนติดตามคงนาน ความสำคัญคือต้องขยันโพสต์ ทำเนื้อหาต่างๆ ให้ชัดเจน เงื่อนไขอะไรแจ้งไว้ให้ชัดเจน และต้องเชื่อถือได้ การขายของออนไลน์ คือ การขายความน่าเชื่อถือ ลูกค้าไม่สามารถหยิบจับ เลือกปุ๊บ จ่ายปั๊บ รับของทันทีได้ หาสินค้ามีตำหนิที่คนซื้อไม่รู้จะำอย่างไร ให้เปลี่ยนได้ไหม หรือขายของแบบโล๊ะสต๊อก ราคาถูกแสนถูก มีตำหนิบ้างตามประสา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระบุเงื่อนไขสำคัญให้ชัดเจน การใช้เฟสบุ๊ค ช่วยให้เราโต้ตอบกับผู้ที่สอบถามมาได้รวดเร็วกว่าการใช้เว็บรวมขายสินค้า

หากลุ่มที่เหมาะ เช่น กลุ่มตลาดนัดออนไลน์ ประมูลออนไลน์ (กรณีเราคิดจะขายแบบประมูล) ฯลฯ เพราะถ้าไม่ใช้โฆษณาทำได้แต่หาเพื่อนที่เหมาะกับสินค้า แต่เค้าก็มีสิทธิ์ไม่รับแอด หากใช้โฆษณาสินค้าเผยแพร่ได้มากแน่ แต่ก็ต้องใช้งบ ต้องใช้ระบบเค้าเป็น ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่ามีทุนสำรองพอไหม เรียนรู้เครื่องมือเค้าได้ไหม ในนี้เห็นบ่นกันจังว่าเสียเงินโฆษณาแล้วไม่ได้ผล รายละเอียดค่อยว่ากันว่าทำไม

ตัวอย่างจากการสัมมนาครั้งหนึ่ง (เท็จจริง ไม่ทราบนะคะ พี่ไม่ได้เป็นคนจัดงาน ไปฟังเฉยๆ) วิทยากร บอกว่าลูกศิษย์แบบ อภิชาติศิษย์ เรียนการทำโฆษณาทางเฟส ซึ่งเฟสกำหนดให้ใช้ค่าโฆษณาเริ่มต้นได้ที่วันละ 30 บาท รายนั้น เสียค่าโฆษณาไป 30 บาท เพื่อขายคอร์สถ่ายรูปวิวาห์ คอร์สละ 40,000 บาท ปรากฏว่าขายได้ 3 คอร์ส โห…ทุนค่าโฆษณาแค่ 30 บาท

ช่องทางออนไลน์อื่นที่จะโปรโมท คือพวกฟรีเว็บ เช่น พันทิป มาร์เก็ต ขายดีดอทคอม หรือ weloveshopping ก็มีให้เปิดร้านฟรี แต่ก็คงต้องมีสินค้ามากหน่อย ไม่งั้น พื้นที่เว็บก็โล่ง โล่งแล้วยังไง เมื่อมีใครเข้ามาไม่พบความน่าสนใจ ก็ย่อมไม่ติดตาม ไม่อยากเข้าซ้ำ เว็บสินค้าในโลกมีมากมาย ก็เหมือนที่เราเคยท่องเน็ตเพื่อหาซื้อสินค้านั่นแหละ เราไว้ใจเลือกซื้อจากรายไหน ก็ลองคิดดูว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้เราตัดสินใจ

กรณีไม่เสียตังค์โฆษณาก็ประมาณนี้ และต้องขยันโพสต์ คนที่เป็นเพื่อนเรา ที่รับแอดจากเรา ถ้าเค้ารู้ชัดเจนว่าเราขายสินค้า เค้าจะไม่รำคาญเมื่อได้รับโพสต์จำนวนมากจาก News feed อย่างพี่เอง มีแม่ค้าออนไลน์รายหนึ่งขายเสื้อผ้า ขยันโพสต์มากๆ ทุกครั้งที่เห็ จะเข้ามาติดๆ กันหลายโพสต์ และแต่ละโพสต์มีรูปเป็นร้อยรูป ใครสนใจซื้อก็คลิ๊กดูกันเพลินเป็นแคตตาลอกได้เลย

ควรขยันสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวกับสินค้าด้วย เพื่อ เพิ่มความน่าสนใจ มีอยู่รายหนึ่ง สินค้าถูก ราคาจูงใจ ขายรองเท้า โพสต์ทางเฟส รองเท้าก็ดูได้ สมราคา แต่ไม่บอกรายละเอียดใดๆ เลย รองเท้าแต่ละคู่บอกเบอร์ด้วยการวางรองเท้าไว้บนกระดาษ แล้วเขียนเบอร์ด้วยลายมือไว้บนกระดาษ แล้วถ่ายรูปมา โพสต์ๆๆ คนรับข้อมูลจะเห็นได้อย่างไร คือเห็นแต่รองเท้าน่ะ ไม่เห็นว่าคู่นั้นเบอร์อะไร สังเกตดูว่ามีคนถามเค้าหลายคนจากหน้าโพสต์ หลักการค้าคือทำเงื่อนไขให้ชัดเจน ถูกต้อง จูงใจ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และกระตุ้นการตัดสินใจ และหากมีคำถามใดๆ มาฝากไว้ ควรโต้ตอบอย่างเหมาะสม รวดเร็ว เปิดเฟสไว้สาธารณะต้องทำใจ น่าจะเคยเจอกันบ้าง ขอ…กันตรงๆ ยังมี หรือแม่ค้าบางคน ลูกค้าถามไปทางอินบอกซ์ หรือ โพสต์ถามหน้าบอร์ด แม่ค้าโพสต์รูปตัวเอง หน้าตาน่ารักแหละ มีคนชมเยอะแยะ พอเราถามถึงสินค้า แม่ค้าไม่ตอบอะไรเลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่ตอบ แต่เรารอไง ตอนนั้นอ่ะนะ จึงคอยกลับไปดูที่โพสต์ แม่ค้าตอบ ขอบคุณและทักทายกับคนที่ชมตัวเองทุกคน แต่ดันไม่ตอบผู้หญิงที่จะซื้อสินค้าอย่างเรา

หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆแล้ว ทำให้ข้าพเจ้าได้ทดลองนำสินค้าต่างๆมาลองขายรูปแบบออนไลน์ ผลปรากฏว่ามียอดขายเพิ่มมากขึ้นจากเดิม การขายสินค้าออนไลน์เป็นการเพิ่มรายได้ และทางเลือกการขายสินค้าที่ดีอีกหนุ่งทางเลือก

อื่นๆ

เมนู