“โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้กับประเทศ”
หลักสูตร HS05 การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน
ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
ข้าพเจ้า นางสาวจิราลักษณ์ แก้วกล้า ผู้ปฏิบัติงานประเภทบัญฑิตจบใหม่ ปฏิบัติงานประจำพื้นที่ ณ หมู่บ้านโคกสว่าง ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ (หลักสูตร HS05) การทอผ้าไหมลายขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน “โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้กับประเทศ” มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านโคกสว่างยังคงตระหนักถึงปัญหาและยังคงเฝ้าระวัง ซึ่งทางหมู่บ้านได้มีการตรวจเข้มจากกลุ่มของ อสม. ติดตามอาการของบุคลที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด และเนื่องจากปัญหาของสถานการณ์โรคโควิด19 ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลในครั้งนี้ได้ ดังนั้นจึงขอแก้ปัญหาโดยการเก็บข้อมูลจากโซเชี่ยลและจากเสียงประกาศตามสายของผู้ใหญ่บ้านภายในหมู่บ้านเนื่องจากข้าพเจ้าเป็นบุคคลภายในพื้นที่หมู่บ้านหนองเก้าข่าและโคกสว่างซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ติดกันและสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารกันได้ทั่วถึงจากการทราบข่าวทำให้ทราบถึงปัญหาของประชาชนภายในหมู่บ้านที่บางครอบครัวต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านเนื่องจากตกงานและไม่สามารถทำการค้าขายได้ต่อทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ภายในหมู่บ้านขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว
เนื่องจากเป็นบุคคลภายในพื้นที่ข้าพเจ้าจึงได้ทราบข้อมูลมาว่าภายในตำบลเมืองแฝกยังมีอีกหนึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้นั้นคือการทอผ้าไหมลายขิดยกดอก ซึ่งข้าพเจ้าขอนำเสนอข้อมูลดังต่อไปนี้
โดยปกติทางภาคอิสานจะมีความคุ้ยเคยกับผ้าไหมมัดหมี่กันเป็นส่วนมาก ซึ่งจะมีลวดลาย และสีสันแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ตามความเชื่อและประเพณีวัฒนธรรมในพื้นถิ่น โดยกรรมวิธีทำให้เกิดลวดลายในผ้าไหมไทยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ลวดลายจากกรรมวิธีการทอ เช่น จก ยก ขิด ขัด ลวดลายจากกรรมวิธีการเตรียมลวดลายเส้นด้ายก่อนทอ เช่น การมัดหมี่ และลวดลายจากกรรมวิธีการทำลวดลายหลังจากเป็นผืนผ้า เช่น การย้อม การมัดย้อมและสร้างสรรค์ลวดลายด้วยเทคนิคมัดหมี่ คือ กรรมวิธีในการทอผ้าอย่างหนึ่ง การทอผ้าไหมขิดยกลายเป็นการทอผ้าไหมชนิดหนึ่งด้วยการยกลายด้วยไม้ที่เรียกว่า ไม้เก็บขิด ใช้เป็นตัวยกเส้นยืนในแต่ละแถวขึ้นให้เส้นพุ่งพิเศษสอดผ่านจากริมผ้าด้านหนึ่งไปสู่ริมผ้าอีกด้านหนึ่ง ที่เรียกว่า การเก็บขิด เกิดเป็นลวดลายขิดตลอดหน้ากว้างของผืนผ้า ลักษณะของผ้าลายขิดสังเกตดูได้จาก ลายซ้ำของเส้นพุ่งที่ขึ้นเป็นแนวสีเดียวกันตลอด อาจจะเหมือนกันทั้งผืนหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องมีลายซ้ำที่มีจุดจบ
ผ้าขิดที่นิยมทอโดยทั่วไปมีอยู่ 3 ชนิด ตามลักษณะประโยชน์การใช้สอยได้แก่
- ผ้าขิดตีนซิ่นเป็นผ้าที่ทอขึ้นเพื่อใช้ต่อชายล่างของตัวซิ่น
- ผ้าขิดหัวซิ่นเป็นผ้าที่ทอขึ้นเพื่อใช้ต่อชายบนของตัวซิ่น
- ผ้าขิดหมอนเป็นผ้าที่ทอขึ้นโดยเฉพาะ
สำหรับการทอผ้าไหมลายขิดในเขตตำบลเมืองแฝก เริ่มต้นมาจากคุณจักรพงษ์ อัลทะชัย ซึ่งเป็นคนราชบุรีโดยกำเนิด คุณจักรพงษ์จึงได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ มาจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมายาวนาน และหลังจากแต่งงานกับคุณมัลลิกา ก็ได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านโคกสว่าง ตำบลเมืองแฝก จังหวัดบุรีรัมย์ และได้นำความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดให้กับคุณมัลลิกาและชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง ต่อมาก็เปิดรับสอนให้กับคนจากพื้นที่อื่น ๆ โดยทั่วไป และครอบครัวคุณจักรพงษ์สามารหารายได้หลักจากการทอผ้าไหมลายขิดยกดอก ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงมาก เมื่อเทียบกับผ้าไหมโดยทั่วไป และที่สำคัญก็คือ ผ้าไหมลายขิดยกดอกที่ผลิตออกมาทุกผืนล้วนมีตลาดรองรับ จึงสามารถลดปัญหาการตลาดได้ ผู้ที่ผลิตผ้าไหมลายขิดยกดอกจึงสามารถตัดปัญหาเรื่องการจำหน่ายออกไปได้เลย ข้อแตกต่างระหว่างการทอผ้าไหมโดยทั่วไปกับการทอผ้าไหมลายขิดยกดอก คือ ลักษณะของลาย ความหนาของเนื้อผ้า ผู้ที่จะทอผ้าไหมลายขิดยกดอกได้ต้องมีความประณีตและละเอียดละออในการทำงานพอสมควร ที่สำคัญคือ ต้องมีความสม่ำเสมอในการทำงาน คุณมัลลิกาผู้เป็นครูในการสอนการทอผ้าไหมลายขิดได้บอกกับเราว่า ผู้มาเรียนส่วนมากจะใช้เวลาเรียนแค่หนึ่งถึงสองวัน ก็จะสามารถไปเริ่มการทอได้เลย ผู้ที่มีความชำนาญในการทอ จะสามารถทอได้สองถึงสามผืนภายในหนึ่งเดือน ส่วนราคาผ้าไหมลายขิดต่อผืน ราคาจะเริ่มต้นจาก 4,000 จนถึง 8,000
โดยลวดลายส่วนใหญ่จะเป็นลายจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความเชื่อ เช่น ลายหอปราสาทหรือธรรมาสน์ ลายพญานาค ลายช้าง ลายม้า ลายดอกแก้ว เป็นต้น ลวดลายขิดจะอยู่บริเวณส่วนกลางของตัวหมอน ส่วนหน้าหมอนนั้น นิยมเย็บปิดด้วยผ้าฝ้ายสีแดง
เนื่องจากสถานการณ์โควิด- 19 ที่กำลังแพร่ระบาด ทำให้มีคนตกงานและย้ายกลับมาสู่ถิ่นฐานเดิมมากขึ้น ดังนั้นการทอผ้าไหมลายขิดยกดอก ถือเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนในชุมชนได้อยู่อย่างมีความสุขมากขึ้น เพราะทุกคนสามารถทอได้ ทั้งชายและหญิง
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นด้วยกับการทอผ้าไหมลายขิดยกดอกให้เป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนภายในหมู่บ้านได้อีกหนทางนอกเหนือจากการทำงานเกษตรและทำสวนทำไร่ และยังเป็นการสร้างและช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมรวมถึงภูมิปัญญาที่ดีนี้ให้สืบทอดต่อไปได้อีกจากรุ่นสู่รุ่น
แหล่งข้อมูล
https://sites.google.com/site/thaisilk57/home/prapheth-khxng-pha-him-thiy