โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1ตำบล 1 มหาวิทยาลัย)
“โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้กับประเทศ”
หลักสูตร HS05 การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน
ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
ข้าพเจ้านางสาว จิราพร สมุติรัมย์ ผู้ปฏิบัติงานประเภทประชาชน
ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ หลักสูตร HS05:การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของCOVID-19ที่มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบันทำให้มียอดผู้ติดเชื้อตั้งแต่ปีพ.ศ.2563-ปัจจุบันมีจำนวน 415,170ราย ผู้ป่วยสะสม 262,225ราย ผู้ป่วยที่รักษาอยู่ 122,097ราย เสียชีวิต 3,422 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี63 289,651ราย และที่น่าหวาดระแวงคือยอดผู้ติดเชื้อในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามียอดผู้ติดเชื่อมากกว่า 1000+ราย และยอดปัจจุบัน ณ วันที่19 กรกฎาคมคือ11,784ราย พบเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ8,997ราย ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน2,677ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ(เข้าสถานที่กักกันของรัฐ)10ราย จากเรือนจำที่ต้องขัง100 ราย เสียชีวิต 81 ราย
ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้ได้มีการยกระดับพื้นที่สถานการณ์โควิด-19 ออกเป็น4พื้นที่ดังนี้
1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด
2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด 53 จังหวัด
3.พื้นที่ควบคุม 10 จังหวัด
4.พื้นที่เฝ้าระวังสูง 1 จังหวัด
เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19ที่ระบาดจนยากที่จะควบคุมตอนนี้จึงมีราชกิจจานุเบกษา ประกาศล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด เพิ่ม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี อยุธยา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2564
โดยมีสรุปย่อดังนี้
-ห้ามออกนอกเคหะสถาน เวลา 21:00-04:00 น.
-ลดการเดินทางในพื้นที่และงดการเดินทางข้ามจังหวัด
-ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ WFH 100% และให้เอกชน WFH เต็มขีดความสามารถ
-ใช้เอกสารรับรองการเดินทางหรือQR CODE เพื่อใช้เดินทางเข้า-ออกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
-ขนส่งสาธารณะ จำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 50% ของความจุ
ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
-ห้ามจัดกิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลมากกว่า 5 คน
ซึ่งบุรีรัมย์ก็จัดอยู่ในพื้นที่สีแดงด้วยจึงทำให้การลงพื้นที่ได้อย่างลำบาก ทางคณะอาจารย์และผู้ปฏิบัติงานจึงได้ลงพื้นที่ อบต.เมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์เพื่อทำการทำสเปรย์แอลกอฮอล์แจกจ่ายประชาชนที่อยู่ระแวก อบต. เมืองแฝก และเพื่อแนวทางให้ประชาชนหรือบุคคลที่สนใจจะทำสเปรย์แอลกอฮอล์ไว้ใช้เองหรือเพื่อบริจาคแก่ผู้ที่ยากไร้ได้เป็นแนวทางในการจัดหาสเปรย์แอลกอฮอล์ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้มากเทียบกับที่ซื้อตามท้องตลาดทั่วไป
โดยมีวิธีการทำดังนี้
- เทเอทิลแอลกอฮอล์ 95% ลงภาชนะ ปริมาณ 85 มิลลิลิตร
- เติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% ปริมาณ 5 มิลลิลิตร ตามลงไป
- เติมกลีเซอรีน98% ปริมาณ 3 มิลลิลิตร ตามลงไป
- เติมน้ำมันหอมระเหย / สารแต่งกลิ่น 2-3 หยด
- เติมน้ำกลั่นหรือน้ำ RO ลงไปให้ครบ 100 มิลลิลิตร พอดี
- คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
7.บรรจุใส่ขวดสเปรย์
วิธีการเก็บรักษา
- สำหรับประเทศไทย กำหนดให้แอลกอฮอล์ที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโควิด 19 ต้องมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อยร้อยละ 70 โดยปริมาตร
- เลือกใช้เจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มีฉลากติดไว้ชัดเจน ไม่หมดอายุ เมื่อเปิดใช้มีกลิ่นเฉพาะของแอลกอฮอล์
- ควรบีบเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ลงในฝ่ามือ แล้วลูบให้ทั่วฝ่ามือหลังมือและนิ้วมือ ทิ้งไว้ 20-30 วินาทีจนแอลกอฮอล์ระเหยแห้ง
- เก็บรักษาเจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ ไว้ในอุณหภูมิปกติ โดยปิดฝาภาชนะให้สนิท เพื่อป้องกันแอลกอฮอล์ระเหย
หลังจากที่ร่วมกิจกรรมทำสเปรย์แอลกอฮอล์แล้ว ผู้ปฏิบัติงานและคณะอาจารย์ที่ดูแลโครงการ ก็ได้ร่วมเดินรณรงค์ให้ประชาชนออกไปฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานให้สถานการณ์ที่กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และขอขอบพระคุณท่านนายกอบต.เมืองแฝก คุณจุฑามาศ ซารัมย์ ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คุณบัวลอย ซุ่มกระโทก และหัวหน้าอาสาสมัครหมู่บ้าน คุณอุษา สกุลสุขเลิศ ที่ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมและจัดกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยค่ะ