โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1ตำบล 1 มหาวิทยาลัย)“โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้กับประเทศ”

หลักสูตร HS05 การทอผ้าไหมขิดยกดอก เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน

ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์

 

ข้าพเจ้านางสาวพัคคิณี คลังประโคน กลุ่ม HS05 ประเภทบัณฑิตจบใหม่ ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ หลักสูตรการทอผ้าไหมลายขิดยกดอก

เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ได้เข้าร่วมโครงการอบรม เรื่อง การตลาดในยุคดิจิทัล (ถ้าปัญหาของคุณ คือการขาย เราช่วยได้) โดยข้าพเจ้าและเหล่าผู้ปฏิบัติงานรวมทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการในตำบลเมืองแฝก ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยออกพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมืองเเฝก อำเภอลำปลายมาศ  จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564  โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา คือ เพื่อการทำการตลาดรูปแบบหนึ่งโดยการโปรโมทสินค้าหรือบริการผ่านทางสื่อดิจิทัล และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค เพื่อเพิ่มยอดขายโดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ ทางสื่อดิจิทัล ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้ง่าย และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง

กิจกรรมแรก คือ เวลา 09.30 ได้มีการเชิญคุณปัณณทัต สระอุบล วิทยากรผู้เชียวชาญทางด้านการตลาดในยุคดิจิทัล เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการตลาดในยุคดิจิทัล เช่น การทำการตลาดรูปแบบหนึ่งโดยโปรโมทสินค้าหรือบริการผ่านทางสื่อดิจิทัล และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค เพื่อเพิ่มยอดขายโดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ ทางสื่อดิจิทัล ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้ง่าย และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลานอกจากนี้การตลาดดิจิทัลคืออีกทางเลือกหนึ่งของการสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นกับธุรกิจแบรนด์ใหม่ ทำให้การรับรู้ในวงกว้างไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ในจำนวนมากได้โดยตรง เรื่องที่ 2 บทบาทของตลาดอีคอมเมิร์ซ ตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ก่อนที่วิทยากรจะเข้าสู่การบรรยายวิทยากรได้นำเรื่องไทยแลนด์ 4.0 มายกตัวอย่าง เช่น Marketing 4.0 การตลาดที่เอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ไทยแลนด์ 4.0 หรือ Marketing 4.0 คือ นำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทุกวันนี้ลูกค้าไม่ได้ไปหาสินค้าทางหน้าร้านอย่างเดียวแล้ว แต่สมัยนี้เป็นยุคของข้อมูล ใครอยากซื้ออะไร อยากรู้รายละเอียดสินค้าตัวไหน ก็แค่เสิร์ช ค้นหาข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ดังนั้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางด้านธุรกิจ ก็จะดีไม่น้อยเลย ถ้าคุณจะเปิดเว็บไซต์ หรือสร้างเพจเฟซบุ๊คนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางเหล่านี้ คราวนี้ใครเสิร์ชมาก็เห็น

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจร้านอาหารร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งที่เราเองเคยไปใช้บริการค่ะ วิธีการของเขาคือ จากที่แค่ขายอาหารอยู่ในร้าน เขาก็เปิดเพจ Facebook โพสต์เกี่ยวกับอาหารในร้านลงไปในเพจ และที่น่าสนใจก็คือ ร้านนี้จะมีเมนูเซอร์ไพร้ส์ทุกวันค่ะ แต่ละวันเมนูอาหารจะไม่เหมือนกัน ลูกค้าต้องรอเมนูที่ทางร้านจะอัพเดทผ่านทาง Facebook Page เท่านั้น ส่วนใครอยากกินอะไร ก็สั่งผ่านทาง Inbox หรือทางโทรศัพท์ไว้ก่อนเลยก็ได้ พอไปถึงร้านก็มีเมนูรออยู่ตรงหน้าเรียบร้อย ไม่ต้องไปเสียเวลาไปนั่งรออาหารที่ร้านอีก ซึ่งก็เป็นวิธีที่เรียกความสนใจจากลูกค้าได้ไม่น้อยเลยค่ะ ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Facebook ทำได้ไม่ยากเลย

              การตลาดในยุคดิจิทัล คือ ยุคที่ผ่านมาผู้บริโภคตกอยู่ในความเมตตาของผู้โฆษณาที่ใช้สื่อการตลาดผ่านสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ป้ายโฆษณาโทรทัศน์วิทยุ ผู้โฆษณาเหล่านี้สร้างตลาดกำหนดและตอกย้ำภาพลักษณ์ของผู้บริโภค ในยุค 50 โฆษณาส่วนใหญ่เป็นการสนทนาทางเดียวกับผู้ชมที่เป็นเชลย โฆษณาทางทีวีเติบโตและเติบโตเป็นสื่อทางการตลาดที่มีศักยภาพ ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้สร้างสไตล์ จากการระเบิดของสื่อดิจิทัลผู้คนเริ่มมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันและ บริษัท ที่พวกเขาทำธุรกิจด้วยวิธีการใหม่ ๆ ความเกี่ยวข้องของช่องทางการพิมพ์และการออกอากาศแบบดั้งเดิมลดลงทำให้การเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของผู้บริโภคเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ช่องทางดิจิตอลเปิดประตูสำหรับผู้บริโภค ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนาการตลาดด้านเดียวอีกต่อไปผู้บริโภคจะได้รับพลังจากนักเขียนผู้จัดพิมพ์และนักวิจารณ์ ภูมิทัศน์ดิจิตอลเป็นแบบมีส่วนร่วมซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้บริโภคแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นักการตลาดไม่ได้ผลักดันการสนทนาอีกต่อไป ผู้บริโภคในชีวิตประจำวันตอนนี้กลายเป็นผู้สร้างสไตล์และผู้นำเทรนด์ สำหรับนักการตลาดที่พยายามแข่งขันในสื่อดิจิทัลใหม่นี้มันยากอย่างเหลือเชื่อที่จะแสดงเนื้อหาของคุณเหนือเสียงการแข่งขัน ในขณะที่จำนวนเวลาที่ผู้บริโภคใช้จ่ายบนเว็บและมือถือเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ปริมาณของเนื้อหาที่มีอยู่เพิ่มขึ้นอย่างมาก มีการสร้างเนื้อหาดิจิทัลมากขึ้นในหนึ่งวันกว่าที่คนส่วนใหญ่สามารถบริโภคได้ในหนึ่งปี ด้วยการรบกวนและตัวเลือกมากมายผู้ชมของคุณจึงมีความสนใจสั้นมาก การเติบโตแบบทวีคูณในช่องทางดิจิตอลนั้นก่อให้เกิดความสำคัญของการตลาดดิจิทัล แต่การตลาดดิจิทัลไม่ได้เกี่ยวกับช่องทางเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นกลไกที่ผู้คนสร้างและแบ่งปันเนื้อหาและประสบการณ์การมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันและ บริษัท ที่พวกเขาทำธุรกิจด้วย การตลาดแบบดิจิตอลต้องใช้ คือ สามกุญแจสู่ความสำเร็จด้านการตลาดดิจิทัล

  1. จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ซับซ้อนผ่านช่องทางที่หลากหลายทั้งแบบดิจิตอลและแบบดั้งเดิม
  2. ตอบสนองและเริ่มการโต้ตอบกับลูกค้าแบบไดนามิก
  3. ดึงค่าจากข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นเร็วขึ้น

ช่องทางการขายของออนไลน์

                1.ร้านค้าตัวเอง – หมายถึงการเปิดร้านค้าหรือเว็บไซต์ตัวเองออนไลน์ โดยข้อดีก็คือเราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาเจ้าอื่น แต่ข้อเสียก็คือเราต้องใช้เวลาและเงินลงทุนบ้างในการเรียกลูกค้าให้เข้ามาดู และในการออกแบบระบบขายของ (จริงก็ทำได้ง่ายให้ลูกค้าดูเว็บไซต์และ แอด LINE เข้ามาซื้อของก็ได้) ยกตัวอย่างเช่น Inwshop, WordPress และ Shopify

2.ร้านขายของออนไลน์ในประเทศ – หมายถึงการใช้เว็บไซต์ขายของออนไลน์อื่นๆในการขายของ ข้อดีก็คือเราสามารถใช้กลุ่มลูกค้าของเว็บไซต์เหล่านี้ได้เลย แถมเว็บไซต์พวกนี้ก็มีระบบชำระเงินติดตามสินค้าให้เราอยู่แล้วด้วย แต่ก็หมายความว่าเราต้องแข่งกับคู่แข่งเจ้าอื่นๆ และก็ต้องทำตามกฎของเว็บไซต์เหล่านี้ด้วย เช่น Lazada, Shopee, Kaidee

3.ร้านขายของออนไลน์ต่างประเทศ – มาถึงการใช้ร้านค้าออนไลน์ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นลูกค้าต่างประเทศ โดยรวมแล้วลูกค้ากลุ่มนี้จะมีคู่แข่งน้อยกว่า แถมระบบการขายของก็ดีกว่าด้วย แต่ข้อจำกัดและก็คือเราต้องใช้ภาษาอังกฤษให้เป็น แล้วก็ต้องตั้งใจศึกษาวิธีการขายของต่างประเทศ ซึ่งความรู้ฟรีๆมีอยู่น้อย ตัวอย่างเช่น Ebay, Amazon, Etsy

4.Social Media – หมายถึงการใช้เว็บไซต์โซเชียลมีเดียเพื่อขายของ ตัวอย่างที่เราเห็นได้บ่อยๆก็คือ Facebook และ Instagram ข้อดีก็คือมีกลุ่มลูกค้าเยอะ แต่เราก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของบริษัทเหล่านี้ และโดยรวมแล้วระบบชำระเงินระบบติดตามสินค้าก็ไม่ได้ดีเท่าพวกเว็บไซต์ขายของออนไลน์เฉพาะทาง ซึ่งตัวเลือกการขายของผ่าน Social media ก็มีเยอะมาก เช่น Facebook ตัวเอง, Facebook Page, Facebook Group, Market Place เป็นต้น

5.Google – หมายถึงการใช้กลุ่มลูกค้าที่ใช้งาน google เพื่อขายของ ส่วนมากก็คือการทำเว็บไซต์ให้จัดอันดับได้ดีๆบน google เช่นการทำ SEO หรือการซื้อโฆษณา แน่นอนว่าเราก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของ google แล้วก็ต้องแข่งขันกับคู่แข่งเจ้าอื่นๆด้วยเช่นกัน

6.YouTube – YouTube เป็นช่องทางการพูดคุยกับลูกค้าสมัยใหม่ที่ดีมาก เพราะลูกค้าในยุคนี้ชอบการพูดคุยกับคน มากกว่าผ่านเว็บไซต์หรือเพจต่างๆ (ดูน่าเชื่อถือมากกว่า) ที่สำคัญก็คือ YouTube มีคู่แข่งน้อยและก็มีกลุ่มลูกค้าใหญ่มาก แต่ปัญหาหลักก็คือการทำวีดีโอนั้นทำได้ยาก

7.SMS – จริงๆแล้ว SMS เป็นช่องทางพูดคุยกับลูกค้าที่ดี เหมาะที่จะใช้เพื่อส่งเสริมช่องทางการขายที่มีอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายในการส่ง SMS สำหรับธุรกิจนั้นคิดเป็นหลักสตางค์ หากเทียบกับค่าโฆษณาผ่านช่องทางอื่นๆนั้นถือว่าถูกกว่ามาก

8.LINE OA/Email – เป็นช่องทางในการติดต่อพูดคุยกับลูกค้าที่คนไทยนิยม เหมาะสำหรับการปิดการขาย เพียงแต่ว่าต้องหาวิธีทำให้ลูกค้าแอด Line หรือให้อีเมลเข้ามา คนไทยส่วนมากใช้ Line กันอยู่แล้ว ส่วนอีเมลก็เป็นช่องทางเป็นลูกค้าที่ทำงานเหมือนกันเลย เพียงแต่เป็นวิธีที่ต่างประเทศนิยมใช้มากกว่า

 

ตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

              E-Commerce ย่อมาจากคำว่า Electronic Commerce แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการทำธุรกิจโดยซื้อขายสินค้าหรือโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่นิยมคือ วิทยุ โทรทัศน์ และที่มีการใช้งานมากที่สุดในปัจจุบันก็คืออินเทอร์เน็ต โดยสามารถใช้ทั้งข้อความ เสียง ภาพ และคลิปวิดีโอในการทำธุรกิจได้ การทำธุรกิจแบบ E-commerce สามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางและทำให้ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินการได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบัน ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในโลกออนไลน์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และการใช้งานอินเตอร์เน็ตถือได้ว่าเป็นกิจกรรมหลักในชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียลมีเดีย ค้นหาข้อมูล เช็คอีเมล ดูโทรทัศน์หรือฟังเพลงออนไลน์ เป็นต้น ทำให้หลายธุรกิจจึงหันมาทำ E-Commerce กันมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าดังกล่าว อีกทั้งธุรกิจ E-Commerce ยังมีข้อดีและประโยชน์ในหลายด้านซึ่งสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้

1.ไม่ต้องมีหน้าร้าน สามารถโชว์ตัวอย่างสินค้าเป็นรูปหรือคลิปวิดีโอบนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียได้

2.ไม่ต้องใช้พนักงานขาย สามารถแสดงข้อมูลต่างๆ พร้อมระบบที่สามารถทำการซื้อขายได้อัตโนมัติ หรือติดต่อทางร้านได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้เปิดขายและรองรับลูกค้าได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

3.เพิ่มโอกาสในการขาย ร้านค้ามีโอกาสเข้าถึงทุกคนที่มีอินเทอร์เน็ตได้ จึงสามารถมีลูกค้าได้จากทั้งประเทศและทั่วโลก หมดปัญหาเรื่องการเดินทาง

4.ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ จึงสามารถนำเงินไปลงทุนในด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้นได้ เช่น การขยายธุรกิจ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

5.ทำการตลาดได้แม่นยำและสามารถวัดผลได้ สามารถใช้เว็บไซต์ขายสินค้าและโชเชียลมีเดียเก็บข้อมูลลูกค้ารวมถึงผู้เยี่ยมชม และนำไปใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ได้ตรงเป้าหมาย อีกทั้งยังมีระบบที่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพได้ซึ่งต่างจากการลงโฆษณาในสื่อออฟไลน์ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เป็นต้น

9 อย่างที่ควรมีก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์

  1. ชื่อร้านขายของออนไลน์ ชื่อร้านต้อง อ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู ค้นหาเจอ

หลายคนคิดว่าการตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง จะตั้งชื่อร้านอะไรก็ได้ตามใจชอบ ยิ่งถ้าแปลกไม่ซ้ำใครยิ่งดี (บางทีถึงกับเปิดดิกชันนารีหากันด้วยซ้ำ) แต่หารู้ไม่ การตั้งชื่อร้านต้องมีเทคนิคนั่นก็คือ ต้องอ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู และต้องค้นหาเจอง่าย

อ่านง่าย ชื่อที่ออกเสียงยาก ไม่คุ้นหูคนไทย มีผลทำให้ลูกค้าไม่จดจำร้าน หรือบางทีก็ไม่กล้าแนะนำร้านคุณกับคนรู้จัก เพราะกลัวออกเสียงผิด! เท่ากับคุณเสียโอกาสได้ลูกค้าใหม่ไปอีกคน

จดจำง่าย คุ้นหู ชื่อร้านที่ดีควรทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย เห็นปุ๊บจำปั๊บยิ่งดี ข้อนี้ก็แล้วแต่ความครีเอทของแต่ละคนเลยค่ะว่าจะใช้ไม้ไหน ไม่ว่า ตั้งชื่อร้านให้สัมพันธ์กับสินค้าที่ขาย เช่น ถ้าคุณขายนาฬิกาและตั้งชื่อให้มีคำว่า Time หรือ Watch ลูกค้าก็จะสามารถจดจำและหาร้านของคุณเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือใช้เทคนิคใช้ศัพท์ที่เรียกความสนใจ เช่น ‘คนอะไรเป็นแฟนหมี’ (นั่นดิ..คนอาร๊ายเป็นแฟนหมี อยากรู้ไหมล่ะ)

ค้นหาเจอง่าย สมัยนี้ไม่มีใครจะหาอะไรก็ต้องถามอากู๋ Google หรือ Facebook กันทั้งนั้นแหละค่ะ ยิ่งถ้าเราคิดชื่อได้ตรงกับคำศัพท์ที่ลูกค้าใช้ค้นหา (Search) ก็ยิ่งมีโอกาสทำให้ลูกค้าหาร้านเราเจอง่ายขึ้น

  1. สินค้า

เลือกจากสิ่งที่ชอบ เลือกจากสิ่งที่คุณชอบ เพราะเวลาขายคุณจะสามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างชัดเจน นี่ยังไม่นับไปถึงความสุขที่คุณจะได้ทำสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ จนรู้สึกมีความสุขจนเหมือนไม่ได้ทำงานเลยนะ

เลือกจากสิ่งที่ใช่ แต่ถ้าคุณไม่ได้ชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากมีร้านค้าเป็นของตัวเอง คุณอาจจะเริ่มโดยการสำรวจตลาดว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นที่ต้องการและน่าจะทำกำไรได้ดี ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่คนส่วนมากหันมาใช้สมาร์ทโฟน การขายแบตสำรองหรือเคสโทรศัพท์มือถือก็เป็นความคิดที่ไม่เลว หรือจะหาไอเดียได้ที่ ขายอะไรดี ? รวมไอเดียสินค้าน่าขายออนไลน์

  1. เงินทุน ต้นทุนการขายของออนไลน์ ไม่ได้มีแค่ค่าสินค้าเพียงอย่างเดียว

เงินที่คุณจะนำมาลงทุนในการเริ่มร้านออนไลน์ไม่ควรจะครอบคลุมแค่ค่าสินค้าที่คุณจะสั่งมาขาย แต่ควรรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณอาจต้องเสีย เช่น ค่าจัดส่ง ค่าแพ็กสินค้า ค่าโฆษณา ฯลฯ ดังนั้น คุณควรวางแผนให้ดี ว่าเงินทุนของคุณนี้จะสามารถทำให้คุณดำเนินการได้แบบไม่ต้องไปขอยืมคนอื่นทีหลัง ยิ่งถ้าคุณคิดจะลาออกจากงานประจำมาขายของออนไลน์ด้วยแล้ว คุณยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ

  1. จุดยืนของร้าน วางแผนร้านให้ชัดเจน

เมื่อมีสินค้าแล้ว ก็ถึงเวลาคิดว่าสินค้าของคุณเหมาะที่จะขายส่งหรือขายปลีกมากกว่ากัน บางครั้งการเลือกขายสินค้าส่งในราคาถูก เอากำไรน้อย อาจทำให้คุณรวยแบบไม่รู้เรื่องก็ได้ ในขณะที่สินค้าบางอย่าง เช่น สินค้าแฟชั่น ก็เหมาะที่จะขายปลีกแบบเอากำไรสูง

  1. ช่องทางขายสินค้า ขายที่ไหนบ้าง? FACEBOOK, INSTAGRAM หรือ LINE@

ช่องทางการขายว่าเราจะเปิดร้านออนไลน์และขายสินค้าของเราบนไหน ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีต่อผลต่อความสำเร็จของร้าน เพราะแต่ละช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แตกต่างกัน

ขายบนเพจ Facebook เป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด คนขายนิยมสูงสุด และก็เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเราได้มากที่สุดเช่นกัน เพราะสมัยนี้ใครๆก็เล่น Facebook กันทั้งนั้น ทำให้สินค้าเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมาก ยิ่งปัจจุบัน Facebook เปิดให้ลงโฆษณา (Facebook Ads) ที่สามารถตั้งงบที่ใช้ลงโฆษณาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายเองด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เปิดเพจขายของบน Facebook ยิ่งฮอตฮิตเข้าไปใหญ่ ทำให้คนหายกลายเป็นเศรษฐีมาแล้วมากมาย

ขายบน Instagram เป็นอีกช่องทางที่เริ่มนิยมเป็นอันดับถัดมา โดยจะเน้นการขายผ่านรูปภาพ ลงรายละเอียดได้ไม่มากเหมือน Facebook ดังนั้นหากจะขายผ่านช่องทางนี้ คุณต้องมีฝีมือในการถ่ายภาพสินค้าในระดับนึงเลยแหละถึงจะปัง แต่ถ้ายังฝีมือไม่เข้าขั้นก็ฝึกฝนกันได้นะคะ

ขายผ่าน LINE และ LINE@ ช่องทางนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจและควรมี แต่นั่นต้องหลังจากที่คุณมีเพจ Facebook หรือ ร้านบน Instagram แล้วนะคะ เพราะช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ร้านสามารถแชทตรงกับลูกค้าได้เลย ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้คุยกับคนเป็นๆ มากกว่า ร้านค้าส่วนใหญ่จึงใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเก่า เช่น การอัปเดตสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ โปรโมชั่นล่าสุด ฯลฯ

  1. แผนการตลาด จุดขายดึงดูด ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย

แผนการตลาด เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดชะตาของร้านคุณ เพราะถึงคุณจะมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูก แต่ถ้าไม่มีใครรู้จักร้านของคุณก็ไม่มีประโยชน์ คุณจึงควรวางแผนให้ดีว่าจะโปรโมตร้านค้าหรือสินค้าของคุณอย่างไร จะดึงดูดลูกค้าอย่างไร และจะทำให้อย่างไรให้ร้านคุณที่เพิ่งเปิดใหม่เอาชนะร้านอื่นๆ ที่เปิดมาก่อนหน้าคุณได้ การวางแผนการตลาดอาจเริ่มจากขั้นตอนต่อไปนี้

  • วาดภาพเป้าหมายให้ชัดเจน
  • มีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น เมื่อเปิดเพจแล้วจะทำให้คนรู้จักอย่างไร
  • วางงบประมาณที่จะใช้เพื่อทำให้ขั้นตอนต่างๆ สำเร็จ
  • วางกำหนดเวลาเพื่อประเมิน ตรวจสอบ และปรับปรุงแผน
  1. ช่องทางการชำระเงิน ยิ่งเยอะยิ่งดี ถ้าขายของแพงรับบัตรเครดิตได้ยิ่งเริ่ด

การชำระเงินควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า คุณควรเปิดบัญชีสำหรับร้านของคุณกับธนาคารที่คนส่วนใหญ่ใช้บริการ แทนที่จะเลือกธนาคารที่ไม่เป็นที่นิยมแต่ให้ดอกเบี้ยดี นอกจากนี้ ถ้าคุณวางแผนจะขายสินค้าให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ คุณก็ควรมีบัญชีที่รองรับการโอนเงินจากต่างประเทศ (และมีแผนสำหรับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบที่คุณไม่ขาดทุน) บัญชี Paypal นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีและสามารถสมัครใช้งานง่าย

  1. ความอดทนและมุ่งมั่น คิดไว้เราต้องทำได้

หลายคนเริ่มธุรกิจด้วยความรู้สึกอยากรวยเร็ว เราหวังให้การลงทุนของเราผลิดอกออกผลเป็นกำไรตั้งแต่วินาทีที่เราเริ่มเปิดร้าน แต่นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความเพ้อฝัน เพราะเมื่อคุณเริ่มเปิดร้าน เป็นไปได้ว่าคุณจะไม่มีลูกค้าเลยในอาทิตย์แรกๆ (ไม่นับเพื่อน ญาติ และคนรู้จัก) อาจมีลูกค้าหลายคนมาให้ความสนใจสินค้าของคุณแต่ก็จากไป คุณจะเริ่มสงสัยว่าคุณทำอะไรผิด บางครั้งอาจถึงขั้นอยากลดราคาแล้วขายทุกอย่างเพื่อให้คืนทุน อย่าทำแบบนั้น คุณต้องมั่นใจและหมั่นตรวจสอบแผนการตลาดของคุณว่าได้ผลตามคาดหรือไม่ และหัดปรับเปลี่ยน ทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเรียกลูกค้า และอย่าท้อแท้

  1. เวลา ยิ่งเร็ว ยิ่งได้เปรียบ

ถ้าคุณเตรียมตัวจะยึดการขายของออนไลน์เป็นอาชีพก็แล้วไป แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ยังต้องทำงานประจำ คุณควรวางแผนบริหารเวลาให้ดี เพราะบางที “ความอยากได้” ของลูกค้าก็มีระยะเวลาจำกัด การที่คุณไม่สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันเวลา อาจหมายถึงการเสียลูกค้าไป คุณอาจใช้ตัวช่วยอย่างระบบตอบกลับอัตโนมัติของ Page365 ตอบบทสนทนาจากลูกค้าในเวลาที่คุณไม่ว่าง เพื่อเป็นการซื้อเวลาไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกทอดทิ้งก็ได้

สรุปได้ว่าการตลาดในยุคดิจิทัลการตลาดผ่านสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ป้ายโฆษณาโทรทัศน์วิทยุ ผู้โฆษณาเหล่านี้สร้างตลาดกำหนดและตอกย้ำภาพลักษณ์ของผู้บริโภค ช่องทางการขายของออนไลน์ ประกอบไปด้วย 1.ร้านค้าตัวเอง 2. ร้านขายของออนไลน์ในประเทศ 3. ร้านขายของออนไลน์ต่างประเทศ 4.Social Media 5.Google 6.YouTube – YouTube 7.SMS 8.LINE ตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ E-Commerce นั้นมีประโยชน์หลายๆ ด้าน โดยมีสิ่งสำคัญอยู่ที่เว็บไซต์ขายสินค้าที่สามารถอำนวยความสะดวกทั้งแก่เจ้าของธุรกิจและลูกค้า หลายคนอาจจะสงสัยว่าสามารถใช้โซเชียลมีเดียที่เปิดให้ใช้งานได้ฟรีอย่าง Facebook หรือ Instagram ขายสินค้าแทนเว็บไซต์ได้หรือไม่ บางธุรกิจหรือผู้ที่ยังไม่มีทุนทรัพย์ไม่พร้อม สามารถเริ่มต้นจากการใช้โซเชียลมีเดียก็ได้ แต่เนื่องจากการใช้บริการโซเชียลมีเดีย ก็มีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ 9 อย่างที่ควรมีก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์ ประกอบด้วย ชื่อร้าน สินค้า เงินทุน จุดยืนของร้าน ช่องทางการขายสินค้า แผนการตลาด ช่องทางการชำระเงิน ความอดทนและความมุ่งมั่น และเวลา เป็นต้น

สุดท้ายของทำกิจกรรมได้เชิญผู้ใหญ่บ้านประจำพื้นที่ได้กล่าวให้ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่การงานของผู้ใหญ่บ้านว่าในทุกๆวัน มีหน้าการงาน เช่น ประชาสัมพันธ์ทุกเรื่องให้กับคนในชุมชนได้รับรู้และปฏิบัติตามผ่านหอกระจายข่าวทุกวันที่มีเรื่องประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ฟังคำร้องทุกจากคนในชุมชนและต้องแก้ไขปัญหาให้กับคนในชุมชน สุดท้ายผู้ใหญ่บ้านยังให้ข้อคิดกับผู้ปฏิบัติงาน ว่า คนเราชอบถนัดไม่เหมือนกัน อยู่ที่ตัวท่านเองว่าชอบหรือถนัดอะไรก็แสวงหาให้พบ เช่น ผู้ใหญ่เคยทำอาชีพขายประกันแต่ต้องลาออกเพราะว่าไม่สอบบังคับใครมาซื้อประกัน เป็นต้น

               กิจกรรมที่สอง ข้าพเจ้าและผู้ปฏิบัติงาน อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ลงพื้นที่ ณ บ้านตูบช้าง ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ ศึกษาเกี่ยวกับการทอผ้าจากขิดยกดอก สิ่งข้าพเจ้าได้ ได้รู้วิธีการทอผ้าจากขิดยกดอก ได้รู้รายได้ของคนในชุมชนที่ทอผ้าจากขิดยกดอก 1 คน 1 ผืนละ 4,500 บาท

                กิจกรรมที่สาม  เวลา13.00 น. ข้าพเจ้าและเหล่าผู้ปฏิบัติงานรวมถึงอาจารย์ผู้ปรึกษาประจำโครงการได้ลงพื้นที่ ณ วัดเก้าข่า ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ โดยมีผู้ใหญ่บ้านหนองครกเป็นผู้นำทางและแนะนำตลอดการทำกิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดวัดเก้าข่า ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ เป็นการบำเพ็ญประโยชน์อย่างหนึ่งให้กับศาสนสถาน ซึ่งผลของการดำเนินกิจกรรมนี้ นอกจากจะทำให้วัดดูสะอาดแล้วยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สาธารณชนแล้วยังส่งผลดีให้กับผู้ปฏิบัติงานและสังคม กิจกรรมทำเพื่อผู้ปฏิบัตงานและประชาชนที่เข้ามาทำกิจธุระในสถานที่วัดเก้าข่ามีจิตสำนึกที่จะช่วยกันรักษาความสะอาดมากขึ้น เพื่อผู้ปฏิบัตงานได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณวัดเก้าข่า เพื่อบริเวณวัดเก้าข่าสะอาด สวยงาม เพื่อประชาชนทุกคนมีจิตอาสาที่จะช่วยกันรักษาความสะอาด และมีการมอบอุปกรณ์ในการทำความสะอาดให้กับวัดเก้าข่า ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลาย อีกด้วย

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ได้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง กิจกรรมส่งเสริมการอยู่ได้อย่างพอเพียงกับการทอผ้าไหมลายขิดยกดอก โดยมีวิทยากร คือ คุณอุทัยทิพย์  บุญญาคุนานนต์ (อ.เอมมี่)เป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับการอยู่อย่างง่าย อยู่อย่างพอเพียง หารายได้จากงานอิสระ เพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและตัวผู้ที่เข้าอบรมในครั้งนี้

1.การขายของออนไลน์ การนำสินค้าไปประกาศขายตามเว็บไซต์ที่เป็นทำเล หรือ Marketplace ที่ผู้ซื้อกับผู้ขายออนไลน์พบกัน ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ในประเทศไทย เช่น Trade.com และ weloveshopping.com หรือในต่างประเทศ เช่น amazon.com และ ebaly.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำเร็จรูปที่สามารถประกาศขายได้ทันทีมีบุคคลเข้ามาดูสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น พิมรี่พายเป็นคนขายของออนไลน์คนแรกๆ ของการขายของออนไลน์ ขายจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

2.อาชีพที่เป็นเทคนิคเฉพาะด้าน

ยกตัวอย่างเช่น โค้ช เทรนเนอร์ ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะความสามารถเฉพาะด้านและค่อยข้างมีน้อยอีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดอาชีพนี้ถือเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้เราได้

3.การขายเดลิเวอรี่ บริการจัดส่งถึงที่ เมื่อท่านสั่งสินค้า/บริการจากทางร้าน ก็จะมีสินค้า/บริการส่งให้ท่านในทันที เช่น การจัดส่งดอกไม้ พวงหรีดงานศพ สินค้าไอที การจัดส่งอาหารและอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น บริการนี้เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาซื้อทีร้านด้วยตัวเองและอาจมีบริการเก็บเงินปลายทางด้วย ยกตัวอย่างเช่น ลายแมน ฟู้ดแพนด้า แก๊ปฟู้ด

4.ออกแบบ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หรือปรับปรุงดัดแปลงสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น และมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิม การถ่ายทอดรูปแบบจากความคิดออกมาเป็นผลงาน ที่ผู้อื่นสามารถมองเห็น รับรู้ หรือสัมผัสได้ ซึ่งการออกแบบครอบคลุมถึงการออกแบบวัตถุ ระบบ หรือ ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ และยังรวมไปถึง การคิดเชิงออกแบบยกตัวอย่างเช่น ออกแบบบ้าน ออกแบบโลโก้ผลิตภัณฑ์ ออกแบบลายเซ็นต์ ออกแบบโลโก้บริษัทต่างๆ ออกแบบหน้าขนม เค้ก

5.งานสิ่งประดิษฐ์ หมายถึง งานที่เกิดจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สร้างหรือประดิษฐ์ขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย หรือเพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแต่งหรือเพื่อประโยชน์ใช้สอย

6.สิ่งทอ เฉพาะผ้าทอเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีการขยายความหมายครอบคลุมถึง เส้นใย ด้าย ผืนผ้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากเส้นใย เส้นด้าย ยกตัวอย่างเช่น การทอผ้าไหม

7.อาหารสุขภาพ อาหารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย นอกเหนือจากสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้อาจช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคต่างๆ และที่สำคัญคือการรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะจะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และจะส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดีด้วย

8.ให้คำปรึกษา ยกตัวอย่างเช่น การให้คำปรึกษาในเรื่องของการเดินทางไปต่างประเทศต่างๆ การทำสมุดเดินทาง

9.การเขียนรีวิวหรือการเขียนบทความ ยกตัวอย่างเช่น การรีวิวร้านอาหารซื้อดัง การรีวิวสถานที่ท้องเที่ยว

10.การทำเกษตร ยกตัวอย่างเช่น การเพาะต้นไม้ขาย ก็จะมีต้นไผ่ ต้นกล้วย เป็นต้น

อ้างอิง :

การตลาดในยุคดิจิทัล https://www.sas.com/th_th/insights/marketing/digital-marketing.html

ช่องทางการขายของออนไลน์ https://thaiwinner.com/sales-channels/

ตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ  https://seo-web.aun-thai.co.th/blog/marketing-blog-ecommerce-strategy/

9 อย่างที่ควรมีก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์  https://www.page365.net/9-things-for-starting-online-store

การขายของออนไลน์ http://siriwan40.blogspot.com/p/1.html

วีดีโอประจำเดือนพฤศจิกายน

 

อื่นๆ

เมนู