ข้าพเจ้านางสาวสาวิกา กลิ้งสาด ประเภทนักศึกษา HS06 ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติงานกับทีมสมาชิกผู้ปฏิบัติงานและอาจารย์ประจำหลักสูตรประจำพื้นที่บ้านแสลงพันหมู่ 7 ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์

ข้าพเจ้าได้ทำการลงพื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกับทีมสมาชิกผู้ปฏิบัติงานตำบลแสลงพัน ในการปฏิบัติงานเดือนตุลาคม เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโคโรนา 2019 ยังมีเพิ่มขึ้นในตำบลแสลงพันและบริเวณใกล้เคียง ทำให้พื้นที่ที่จัดทำกิจกรรมของทีมสมาชิกผู้ปฏิบัติงานร่วมกับทีมสมาชิกชุมชนเป็นไปได้ยาก แต่ทางอาจารย์ประจำหลักสูตรและทีมผู้ปฏิบัติงานได้ประชุมและมอบหมายงานเพื่อลงพื้นที่จัดทำกิจกรรม โดยการแบ่งโซน แบ่งกลุ่มลงพื้นที่เพื่อความปลอดภัยและระมัดระวังกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

  1. ข้าพเจ้าได้ลงพื้นที่ออกสำรวจข้อมูล เก็บบันทึกข้อมูลตามแบบ SROI เพื่อนำส่งให้กับทางมหาวิทยาลัยโดยพื้นที่ที่รับผิดชอบคือ โรงเห็ด บ้านหนองตาดตามุ่ง หมู่5 และได้เข้าเยี่ยมชมสอบถามเพื่อเก็บข้อมูล ดูความคืบหน้าของโรงเรือน รับฟังปัญหา และแนะนำวิธีการแก้ไข

  1. กิจกรรมพัฒนาตำบลแสลงพัน ระยะที่ 2 การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (ปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำหมักชีวภาพ) ในวันที่ 16- 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ณ บ้านแสลงพัน และบ้านบุขี้เหล็กใหม่

2.1 ชี้แจงกิจกรรมให้กับผู้นำชุมชน ตัวแทน ทั้งกิจกรรมระยะที่ 1 และกิจกรรมระยะที่ 2

2.2 มอบหมายงาน และขอความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย/กลุ่มจิตอาสา

– ชี้แจงการทำน้ำหมักชีวภาพใช้เองในครัวเรือน

– รวบรวมข้อมูลการแจกเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว

– ชี้แจงปฏิทินติดตามงานทุกสัปดาห์ พร้อมทีมงานผู้รับผิดชอบ

– ชี้แจงกิจกรรมประกวดครอบครัว และชุมชนต้นแบบการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้

2.3 กิจกรรม สูตรการทำน้ำหมักชีวภาพ

สูตรที่ 1 การทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร

วัสดุและอุปกรณ์

1.เศษอาหารแห้ง เช่น เศษข้าว เศษขนมปัง ก้างปลา เปลือกไข่ เปลือกผลไม้ 1 ส่วน

2.มูลสัตว์ เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ ขี้ม้า 1 ส่วน

  1. 3. ใบไม้ 1 ส่วน

4.ถังขนาด 20 ลิตร

5.ตาข่ายกันแมลง

วิธีทำ

1.นำถังขนาด 20 ลิตร มาเจาะรูไว้รอบถังแล้วใช้ตาข่ายกันแมลงพันให้รอบ เพื่อช่วยระบายอากาศและป้องกันแมลงรบกวน

2.ผสมเศษอาหารแห้งที่มีขนาดเล็กและไม่มีน้ำ เช่น เศษข้าว เศษขนมปัง ก้างปลา เปลือกไข่ และเปลือกผลไม้ เข้ากับมูลสัตว์ เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ ขี้ม้า และเศษใบไม้ ในอัตรา 1:1:1 ส่วน

3.คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปิดฝาให้สนิท ถ้าหากวันต่อไปมีเศษอาหารเพิ่ม ก็นำมาเติมเข้าไปได้ แต่อย่าลืมผสมในอัตราส่วนเท่าเดิมด้วย

4.พลิกกลับส่วนผสมวันละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน

หมายเหตุ: ในช่วงแรกไม่จำเป็นต้องเติมน้ำ เพราะเศษอาหารมีความชื้นอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าส่วนผสมเริ่มแห้งลง ก็สามารถพรมน้ำเข้าไปได้เล็กน้อย โดยจะใช้เวลาในการหมักประมาณ 1 เดือน ก็จะได้ปุ๋ยหมักสีดำขนาดเล็ก ที่แห้งสนิทและไม่มีกลิ่นเหม็นไว้ใช้บำรุงต้นไม้แล้ว

สูตรทึ่ 2 การทำปุ๋ยหมักชีวภาพแบบน้ำ

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม มีดังนี้

1.ถุงกระสอบดินสำหรับใส่เศษอาหาร

2.ถังมีฝาปิด ขนาดที่สามารถใส่น้ำได้ 10 ลิตรขึ้นไป

3.น้ำตาล 1 กิโลกรัม

4.น้ำสะอาด 10 ลิตร ควรพักคลอรีนไว้สัก 1-2 คืน

วิธีทำ

1.นำน้ำสะอาด 10 ลิตร มาเติมลงในถัง ใส่กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม หรือใส่น้ำตาล 1 ส่วน ใช้ไม้กวนให้เข้ากัน

2.นำเศษอาหารใส่ลงในกระสอบ (กระสอบดินถุงที่พอจะมีช่องระบายอากาศ) มัดปากถุงแล้วแช่ลงไป โดยแนะนำว่าไม่ควรใส่เศษอาหารเกิน 3 ส่วน

3.หมักทิ้งไว้ประมาณ 20-30 วัน โดยควรปิดฝาให้สนิท เพื่อให้แมลงจะได้ไม่มาไข่ และทำให้ถังหมักของเราไม่มีหนอน

วิธีนำมาใช้

1.เวลานำมาใช้รดน้ำต้นไม้ ก็ควรจะผสมให้เจือจาง แนะนำว่าควรใช้ 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 บัว (ประมาณ 20 ลิตร)

2.ส่วนกากที่เหลือก็สามารถนำไปหมักเป็นปุ๋ยต่อได้  โดยนำมาผสมกับใบไม้แห้ง และปุ๋ยคอก  รดน้ำ ปรับความชื้น 60% คือ เมื่อบีบแล้วไม่มีน้ำไหลซึมออกจากง่ามมือ และเมื่อแบมือออก ปุ๋ยยังคงจับตัวกันเป็นก้อน และทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ หรือสังเกตดูจนปุ๋ยหายร้อน ก็สามารถนำไปใช้ได้

หมายเหตุ: ระหว่างการหมัก ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเทเข้าเทออกสักหน่อย คล้ายๆ กับเป็นการกลับกองไปในตัว เเต่ถ้าลองสังเกตหรือจับดูแล้วปุ๋ยที่หมักไม่ร้อนแสดงว่ากระบวนการหมักไม่เกิด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าเราปรับความชื้นไม่เหมาะสม

สูตรที่ 3 การทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารในครัวเรือนแบบฝังดิน

วัสดุอุปกรณ์

1.ถุงผ้าแยงเขียว     1 ใบ

2.เศษอาหารที่สะสมไว้หลายวัน 1 ถัง

3.น้ำหมักจุลินทรีย์หน่อกล้วย  1  ขันพลาสติก หรือ จุลินทรีย์น้ำซาว

วิธีทำ

1.ขุดดินเป็นหลุมลึกพอประมาณกับถุงที่ใส่เศษอาหาร

2.หย่อนก้นถุงผ้าแยงลงไปในหลุมแล้วเทเศษอาหารลงไปให้เต็ม

3.เทน้ำหมักที่เตรียมไว้ให้และมัดปากถุงผ้าแยงให้แน่น แล้ววางถุงลงแนวนอน

4.เอาดินกลบให้ทั่วถึง ไม่ต้องกลบแน่น หาป้ายเขียนวันหมักไว้เพื่อกันลืม หมักไว้ประมาณ 30 วันก็ขุดเอามาใช้ประโยชน์ได้

สูตรที่ 4 น้ำหมักน้ำซาวข้าว

1.น้ำซาวข้าว      1- 1.5    ลิตร

2.น้ำตาลทราย       2 ช้อนโต๊ะ

3.นมเปรี้ยว             2 ช้อนโต๊ะ

  1. ขวดพลาสติกขนาด 1- 1.5 ลิตร

วิธีทำ

เทน้ำซาวข้าวที่เตรียมไว้ลงขวด ตามด้วยน้ำตาลทราย และนมเปรี้ยว เขย่าให้น้ำตาลละลายปิดฝาหลวมๆหมักไว้ 1 อาทิตย์

 

ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก

1.ปุ๋ยหมักเป็นการนำขยะอินทรีย์มาใช้ประโยชน์ใหม่ จึงช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์เข้าระบบการจัดการขยะได้

  1. ปุ๋ยหมักบางชนิดมีจุลินทรีย์ที่ช่วยยับยั้งและป้องกันจุลินทรีย์ที่ทำให้พืชเป็นโรคได้
  2. ปุ๋ยหมักมีธาตุอาหารครบถ้วน ทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม
  3. ปุ๋ยหมักเป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตในดินที่เป็นประโยชน์ จึงช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  4. ปุ๋ยหมักมักจะปล่อยธาตุอาหารให้พืชอย่างช้า ๆ ทำให้อยู่ในดินได้ค่อนข้างนาน จึงมีโอกาสเสียน้อยกว่าปุ๋ยเคมี
  5. ปุ๋ยหมักช่วยปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของดินให้เหมาะสมได้ ต่างจากปุ๋ยเคมีที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนประกอบ จึงอาจจะทำให้ดินแปรสภาพเป็นกรด
  6. ปุ๋ยหมักช่วยเพิ่มจุลินทรีย์และอินทรียวัตถุ ทำให้โครงสร้างของดินดีขึ้น เช่น ร่วนซุย ระบายน้ำดี ถ่ายเทอากาศสะดวก และรากแผ่กระจายหาอาหารง่ายขึ้น ในขณะที่ปุ๋ยเคมีไม่มีคุณสมบัติในการปรับปรุงดินใดๆ
  7. ปุ๋ยหมักช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้ประหยัดเงิน เพราะสามารถใช้แทนปุ๋ยเคมีได้ สามารถลดปริมาณการซื้อปุ๋ยเคมีลงได้ แถมยังไม่ต้องเสียเงินซื้อสารเคมีหรือยาป้องกันแมลงศัตรูพืชด้วย
  8. 3.ติดต่อประสานงาน ให้คำเเนะนำ สมาชิกเป้าหมายหมู่บ้านหนองตาดตามุ่ง หมู่ 5 เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาโรงเรือนเห็ดให้มีคุณภาพ และผลผลิตที่ดี ติดตามการดำเนินงาน เก็บรวมรวบข้อมูลเพื่อนำมาสรุปให้เห็นผลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น4.งานที่ได้รับมอบหมาย งานตัดต่อภาพ/วีดีโอ- เตรียมจัดทำดำเนินแผนงานในการทำคลิปวิดีโอ สรุปผลการทำงาน- เตรียมข้อมูลจัดทำการตลาดออนไลน์- เตรียมข้อมูลออกแบบบรรจุภัณฑ์
    1. ข้าพเจ้าได้ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล ให้คำแนะนำที่โรงเรือนเห็ด เพื่อนำมาสรุปผลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ เห็ดมีการเกิดเรื่อยๆ อาจจะน้อยบ้างมากบ้าง แต่ก็ยังมีผลผลิตที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่

อื่นๆ

เมนู