รายงานประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564
นิสิต คำหล้า ประเภทประชาชน HS06
ตำบลแสลงพัน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ข้าพเจ้านาย นิสิต คำหล้า ประเภทประชาชน HS06 ตำบลแสลงพัน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลพื้นฐานและวิเคราะห์หมู่บ้านบุก้านตงพัฒนาและวางแผนพัฒนาชุมชน โดยได้ลงพื้นที่ปฏิบัติงานในช่วงเวลา กลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม พบว่าสภาพของประชาชนในพื้นที่ยังอยู่ในภาวะการเฝ้าระวังเรื่องโรคโควิดแพร่ระบาด ระลอกที่ 4 เช่นเดิมแต่มีภาวะคลายตัวลงนิดหน่อย ประกอบกับช่วงนี้สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก เนื่องจากชาวบ้านอยู่ในสภาวะค้าขายที่ฝืดเคืองรุนแรง เพราะะเนื่องจากว่าการหมุนของระบบเงินในท้องถิ่นขาดแคลน ที่มีผลมาจากโรคระบาด จึงทำให้ระบบเศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะชะงักงัน ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงปลายของฤดูกาลของการเพาะปลูกของเกษตรกร ทำให้ชาวบ้านต้องเก็บเกี่ยวข้าวและวางแผนปลูกพืชผักช่วงฤดูหนาว และวางแผนเก็บฟางเพื่อเป็นอาหารสัตว์ เมื่อเข้าสู่ช่วงหมดฤดูฝน ในสภาพเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง อย่างไรก็ตามในด้านการพัฒนาชุมชนของโครงการยังคงดำเนินการต่อไปภายใต้สภาพดังปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีกระบวนการดำเนินงานในรอบเดือนคือ การอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนากิจกรรมผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมักชีวภาพ และครอบคลุมไปถึงแนวทางการทำเพจแนะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและพัฒนาตลาดออนไลน์ โดยข้าพเจ้าทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมศึกษาและรับการฝึกอบรมร่วมกับสมาชิกในกลุ่ม โดยมีรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆในรอบเดือนมีดังนี้
1) เก็บข้อมูลภาคสนามและส่งข้อมูลเพื่อทำฐานข้อมูลตามกรอบโมเดล BCG (Bio-Circular-Green Economy)
มีข้อมูลเพื่อและนำส่งรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีข้อมูลการเก็บโดยภาพรวมของการเก็บข้อมูลประกอบด้วยตัวชี้วัดต่างๆดังนี้
1.1) สภาพทั่วไปของพื้นที่ บ้านบุก้านตงพัฒนา หมู่ที่ 16
1.2) ประวัติทั่วไปของ ชุมชนบ้านบุก้านตงพัฒนา
1.3) แผนที่ชุมชน บ้านบุก้านตงพัฒนา
1.4) ข้อมูลสำคัญรายหมู่บ้าน บ้านบุก้านตงพัฒนา
1.5) ข้อมูลสมาชิกในชุมชน บ้านบุก้านตงพัฒนา
1.6) ข้อมูลอื่นๆที่สำคัญในชุมชน
ซึ่งข้าพเจ้าสมาชิกตัวแทนกลุ่มได้ทำการเก็บข้อมูลภาคสนามที่ส่งข้อมูลของพื้นที่บ้านบุก้านตงพัฒฒนา หมู่ที่ 16 ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
2) กิจกรรมติดตามให้คำแนะนำสมาชิกในการให้คำแนะนำการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์
ติดตามและให้คำแนะนำกลุ่มสมาชิกที่เข้าร่วมจำนวน 10 คน จากตัวแทนสมาชิกครัวเรือนของบ้านบุก้านตงพัฒนาหมู่ที่ 16 และหมู่ที่ 12 ที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการการส่งเสริมอาชีพจากการเพาะเห็ด โดยมีข้าพเจ้าร่วมทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมติดตามกับสมาชิกในกลุ่ม 10 คนดังนี้
- นางเภา เสือซ่อนโพรงบ้านเลขที่ 291 หมู่ที่ 16
- นางเสาร์ จันโสดาบ้านเลขที่ 290 หมู่ที่ 16
- นางสาวพัชรีพรภาคะบ้านเลขที่ 232 หมู่ที่ 16
- นางอัมพร โพนรัตน์บ้านเลขที่ 230 หมู่ที่ 16
- นางสาวพรจันทร์ บุญทองบ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 16
- นางไผ่ แสงสำโรง บ้านเลขที่ 133 หมู่ที่ 12
- นางวิไลรัตน์ เนียนสันเทียะ บ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 12
- นางอนงค์ ห้วยทอง บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 12
- นางประยูรภาคะบ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 12
- นางสวรรค์เนียนสันเทียะ บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 12
โดยมีการแนะนำดังนี้คือ 1) ติดตามและให้คำแนะนำการเก็บเห็ดนางฟ้าและเทคนิคการทำให้ผลผลิตเห็ดสม่ำเสมอ 2) ให้คำแนะนำในการดูแลรักษาและเก็บผลผลิต 3) ปัญหาและข้อควรระวังในการผลิตเห็ดนางฟ้าให้ได้ผลผลิตที่ได้ ผลการอบรมพบว่าชาวบ้านให้ความสนใจดี และนำไปปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาพบว่าชาวบ้านให้การปฏิบัติด้วยดี
- 3. ฝึกอบรมการปฏิบัติการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมักชีวภาพ
ในวันที่ 27-28 ตุลาคม 2564 ติดตามและเชิญชวนกลุ่มสมาชิกที่เข้าร่วมจำนวน 2 คน จากตัวแทนสมาชิกครัวเรือนของบ้านบุก้านตงพัฒนาหมู่ที่ 16 คือ นางอัมพร โพนรัตน์ และ นางสาวพรจันทร์ บุญทอง ที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการ การส่งเสริมอาชีพในการทำผลิตภัณฑ์ การพัฒนากิจกรรมผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมักชีวภาพ โดยมีเป้าหมายและหลักแนวคิดในกรอบของการทำงานดังนี้
1) การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับครัวเรือนหรือชุมชนเกษตรกร
2) การผลิตน้ำหมักชีวภาพใช้เองในครัวเรือนเพื่อการพึงพาตนเอง
3) การผลิตผักปลอดสารพิษเพื่อบริโภคในครัวเรือน
4) สร้างแนวคิดการพัฒนาครัวเรือนแห่งความพอเพียงหรือสร้างชุมชนแห่งความพอเพียงเพื่อเพียงพอ
5) จัดทำสูตรน้ำหมักประเภทต่างๆให้กับชุมชนเกษตรกร เพื่อเป็นแนวทางในการพึ่งพาตนเอง
โดยมีสูตรต่างๆดังนี้
สูตรที่ 1 การทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร
วัสดุและอุปกรณ์
1.เศษอาหารแห้ง เช่น เศษข้าว เศษขนมปัง ก้างปลา เปลือกไข่ เปลือกผลไม้ 1 ส่วน
2.มูลสัตว์ เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ ขี้ม้า 1 ส่วน
- ใบไม้ 1 ส่วน
4.ถังขนาด 20 ลิตร
5.ตาข่ายกันแมลง
วิธีทำ
1.นำถังขนาด 20 ลิตร มาเจาะรูไว้รอบถังแล้วใช้ตาข่ายกันแมลงพันให้รอบ เพื่อช่วยระบายอากาศและป้องกันแมลงรบกวน
2.ผสมเศษอาหารแห้งที่มีขนาดเล็กและไม่มีน้ำ เช่น เศษข้าว เศษขนมปัง ก้างปลา เปลือกไข่ และเปลือกผลไม้ เข้ากับมูลสัตว์ เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ ขี้ม้า และเศษใบไม้ ในอัตรา 1:1:1 ส่วน
3.คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปิดฝาให้สนิท ถ้าหากวันต่อไปมีเศษอาหารเพิ่ม ก็นำมาเติมเข้าไปได้ แต่อย่าลืมผสมในอัตราส่วนเท่าเดิมด้วย
4.พลิกกลับส่วนผสมวันละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน
หมายเหตุ: ในช่วงแรกไม่จำเป็นต้องเติมน้ำ เพราะเศษอาหารมีความชื้นอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าส่วนผสมเริ่มแห้งลง ก็สามารถพรมน้ำเข้าไปได้เล็กน้อย โดยจะใช้เวลาในการหมักประมาณ 1 เดือน ก็จะได้ปุ๋ยหมักสีดำขนาดเล็ก ที่แห้งสนิทและไม่มีกลิ่นเหม็นไว้ใช้บำรุงต้นไม้แล้ว
สูตรทึ่ 2 การทำปุ๋ยหมักชีวภาพแบบน้ำ
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม มีดังนี้
1.ถุงกระสอบดินสำหรับใส่เศษอาหาร
2.ถังมีฝาปิด ขนาดที่สามารถใส่น้ำได้ 10 ลิตรขึ้นไป
3.น้ำตาล 1 กิโลกรัม
4.น้ำสะอาด 10 ลิตร ควรพักคลอรีนไว้สัก 1-2 คืน
วิธีทำ
1.นำน้ำสะอาด 10 ลิตร มาเติมลงในถัง ใส่กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม หรือใส่น้ำตาล 1 ส่วน ใช้ไม้กวนให้เข้ากัน
2.นำเศษอาหารใส่ลงในกระสอบ (กระสอบดินถุงที่พอจะมีช่องระบายอากาศ) มัดปากถุงแล้วแช่ลงไป โดยเเนะนำว่าไม่ควรใส่เศษอาหารเกิน 3 ส่วน
3.หมักทิ้งไว้ประมาณ 20-30 วัน โดยควรปิดฝาให้สนิท เพื่อให้แมลงจะได้ไม่มาไข่ เเละทำให้ถังหมักของเราไม่มีหนอน
วิธีนำมาใช้
- เวลานำมาใช้รดน้ำต้นไม้ ก็ควรจะผสมให้เจือจาง เเนะนำว่าควรใช้ 2 ชัอนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 บัว (ประมาณ 20 ลิตร)
- ส่วนกากที่เหลือก็สามารถนำไปหมักเป็นปุ๋ยต่อได้ โดยนำมาผสมกับใบไม้แห้ง เเละปุ๋ยคอก รดน้ำ ปรับความชื้น 60% คือ เมื่อบีบแล้วไม่มีน้ำไหลซึมออกจากง่ามมือ และเมื่อแบมือออก ปุ๋ยยังคงจับตัวกันเป็นก้อน และทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ หรือสังเกตดูจนปุ๋ยหายร้อน ก็สามารถนำไปใช้ได้
หมายเหตุ: ระหว่างการหมัก ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเทเข้าเทออกสักหน่อย คล้ายๆ กับเป็นการกลับกองไปในตัว เเต่ถ้าลองสังเกตหรือจับดูเเล้วปุ๋ยที่หมักไม่ร้อนแสดงว่ากระบวนการหมักไม่เกิด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าเราปรับความชื้นไม่เหมาะสม
- การฝึกอบรมออนไลน์ในการจัดทำฐานข้อมูลตามกรอบโมเดล BCG (Bio-Circular-Green Economy)
ฝึกอบรมตามกรอบโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นแนวคิดการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปยกระดับความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้กับ 4 อุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งประกอบไปด้วย 1) เกษตรและอาหาร 2) พลังงานและวัสดุ 3) สุขภาพและการแพทย์ 4) การท่องเที่ยวและบริการ โดยที่โมเดล BCG เป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วย โดยรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า มีแผนที่เพื่อจะนำพาประเทศไปสู่ Thailand 4.0 ซึ่งตัวโมเดลนี้จะเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตแบบยั่งยืน และมีการตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี ที่สำคัญจะต้องสร้างสิ่งแวดล้อมของไทยให้สมบูรณ์ รวมถึงจะทำให้ไทยบรรลุเป้าหมายเป็นการการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งแนวคิดนี้จะเป็นการพัฒนาการอย่างบูรณาการเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน
โดยโมเดล BCG ประกอบด้วย เศรษฐกิจหลัก 3 ด้านหลักๆ ที่จะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน ได้แก่
B = เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เป็นการนำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาพัฒนาต่อยอดจากฐานความเข้มแข็งเดิม นั่นก็คือ ทรัพยากรชีวภาพ หรือผลผลิตทางการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เช่น การพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีธาตุอาหารสูง การแปรรูปเพิ่มมูลค่า เป็นต้น
C = เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด ที่สำคัญคือการมุ่งไปที่ ZERO WASTE หรือการลดปริมาณของเสียให้น้อยลงหรือเท่ากับศูนย์ ด้วยการปรับกระบวนการผลิต เช่น การเปลี่ยนของเสียจากการผลิต
G = เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้สารชีวภัณฑ์กำจัดแมลงศัตรูพืชทดแทนการใช้สารเคมี เป็นต้น
- การทำเพจประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ออนไลน์
การให้คำแนะนำเกี่ยวกับด้านการตลาดให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเห็ด ผลิตภัณฑ์น้ำหมักชีวภาพ และผักปลอดดสารพิษ โดยการทำเพจแนะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและพัฒนาตลาดออนไลน์ ทั้งในเฟสบุ๊คและกลุ่มไลน์ รวมทั้งมีการสร้างเพจเพื่อประชาสัมพันธ์การทำงานของกลุ่มชื่อว่า “กลุ่มแสลงพันเข้มแข็ง” และ “ผลิตภัณฑ์น้ำหมักและเห็ดดนางฟ้าพื้นที่แสลงงพัน”
ภาพกิจกรรม