ข้าพเจ้านาย สมพร สมนึก และทีมงานตำบลพระครู อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่บ้านหนองมะค่าแต้ เพื่ออบรมการย้อมสีผ้าไหมมัดหมี่จากสีธรรมชาติ เพื่อทำผ้าคลุมไหล่ จากเปลือกสมอ ประดู่ ต้นกล้วย แก่นขนุน และ ใบยูคาลิตัส โดยแบ่งออกดังนี้
บ้านหนองมะค่าแต้ ใช้สีธรรมชาติจากต้นกล้วย จะใช้ส่วนที่เป็นกาบหุ้มลำต้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มสกัดกับน้ำนาน 1 ชั่วโมง โดยใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 2 เมื่อครบ 1 ชั่วโมงกรองเอาเฉพาะน้ำ
บ้านหนองขวางน้อย ใช้สีธรรมชาติจากสมองและใบยูคาลิตัส การย้อมสีจากเปลือกสมอ ให้เอาเปลือกสมอมาเคี่ยวให้แห้งจนงวดพอสมควร แล้วกรองเอาแต่น้ำ
ขั้นตอนการยอมไหมมัดหมี่ ใส่จุลสี 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วนำเส้นไหมลงไปแช่ ประมาณ 20 นาที ระหว่างแช่นั้นให้คุกเคล้าให้สีเข้าทั่วเส้นไหม จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟ ต้มอีกประมาณ 20 นาที เมื่อครบเวลาแล้วนำลงมาล้างด้วยน้ำเปล่า แล้วนำไปหมักโคลนอีก 2 ชั่วโมง แล้วล้างนำไปตากให้แห้ง
บ้านชุมทองพัฒนาใช้สีธรรมชาติจากแก่นขนุน นำแก่นขนุนที่แห้งแล้วมาหั่นหรือไสด้วยกบเบา ๆ ใช้มือขยำให้ป่นละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบาง แล้วต้มประมาณ 4 ชั่วโมง ดูว่าสีนั้นออกตามความต้องการหรือไม่
เปลือกประดู่ ประดู่สามารถสกัดสีได้ทั้งเปลือกและแก่นต้น แต่ปัจจุบันแก่นประดู่หายาก จึงนิยมใช้เฉพาะส่วนของเปลือกต้นด้านใน โดยนำมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตากให้แห้ง เปลือกประดู่แห้ง 3 กิโลกรัม สามารถย้อมเส้นใยได้ 1 กิโลกรัม นำมาต้มกับน้ำในอัตราส่วน 1:10 นาน 1 ชั่วโมง กรองใช้เฉพาะน้ำ
ขั้นตอนการยอมไหมมัดหมี่ ใส่เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วนำเส้นไหมลงไปแช่ ประมาณ 20 นาที ระหว่างแช่นั้นให้คุกเคล้าให้สีเข้าทั่วเส้นไหม จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟ ต้มอีกประมาณ 20 นาที เมื่อครบเวลาแล้วนำลงมาล้างด้วยน้ำเปล่า นำไปตากให้แห้ง
ข้าพเจ้าได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลขบวนการในการผลิตผ้าไหมตั้งแต่เริ่มจนได้ผ้าไหม ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ณ บ้านหนองขวางน้อย หมู่ที่ 7 ตำบลพระครู อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ในการลงเก็บข้อมูลในครั้งนี้ ได้เก็บข้อมูลในการคัดเลือกพันธ์ต้นหม่อน ซึ่งชาวตำบลพระครูนิยมปลูกพันธ์บุรีรัมย์ 60 การเตรียมเดินในการปลูกปลูกต้นหม่อน วิธีการปลูก การเลี้ยงไหมมีกี่ระยะ การมัดหมี่ต้องมัดแบบไหน ใช้เชือกฟางเป็นวัสดุในการมัดหมี่เพื่อไม่ไห้น้ำเข้าลำหมี่ได้ ในการย้อมผ้าต้องย้อมแบบไหนใช้สีอะไร การผสมสีที่เราต้องการ และขั้นตอนการทอผ้าไหมต้อง
- การค้นเครือเส้นยืน – นำเส้นไหมยืนที่ได้จากการลอกกาวไหม ย้อมสีบนพื้นเส้นไหมเอาเข้ากรงกรอเส้นไหมเข้าอัก นำเส้นไหมที่ถูกกรอด้วยอักเข้าเส้นฟืมเพื่อคันเส้นยืนเตรียมทอ
- เตรียมฟืมทอผ้า – พอเส้นยืนค้นเครือเสร็จก็จัดเรียงเข้าฟันหวี แต่ละช่องใสด้ายประมาณ 2 เส้นหรือตามถนัด ขึงด้ายให้ตึง จัดเรียงให้เรียบร้อยแล้วเก็บตะกอ เมื่อจัดเรียงเส้นยืนเรียบร้อยใช้น้ำแป้งข้าวหรือแป้งมันสำปะหลังพรมหรือชุบผ้าทาให้ทั่ว เสร็จปล่อยให้แห้ง ทาด้วยขี้ผึ้งไม่ก็ไขสัตว์ เพื่อให้ด้ายลื่น แข็งแรง ไม่ขาดง่าย ไม่เป็นขุย
- เตรียมเส้นพุ่ง ประกอบไปด้วย
– ค้นเส้นพุ่ง ใช้โฮงมัดหมี่โบราณที่มีไม้หลัก 2 อัน ค้นเส้นพุ่งแต่ละลายลำจะไม่เท่ากัน แต่ละลำมีด้าย 4 เส้น ทำไพคั่นกลางระหว่างลำไว้ ปกติจะค้นประมาณ 2 รอบ พอเสร็จก็มัดหัวลำตามไพ
– มัดหมี่ มัดตามจุดจากลายที่ออกแบบด้วยเชือก แต่นิยมใช้เชือกฟาง เพราะซื้อง่าย สะดวก นำเส้นไหมออกจากโฮงย้อมสีตามครั้งของเฉดที่ต้องการหรือตามมัดหมี่ไว้ แต่ตรงที่มัดหมี่ต้องไม่ติดสี ส่วนการย้อมสีซ้ำต้องย้อมหลังการตากแดดครั้งแรกให้สีแห้งก่อน
– การมัดหมี่ เริ่มด้วยการมัดเก็บขาว แบ่งได้ 2 วิธี คือ มัดทุกลายในหัวหมี่เดียวกัน กับ มัดแยกแต่ละลายในหัวหมี่แล้วต่อตอนทอผ้า
– กรอกเส้นไหม้เข้าหลอด – นำหัวมัดหมี่ที่แกะเชือกใส่ในกงทำการกรอเส้นไหมเข้าอักเข้าหลอดด้ายด้วยไน ต้องมีการเรียงลำดับหลอดด้ายตามสีที่ออกแบบไว้ด้วย
- ทอผ้ามัดหมี่ การทอไหมเริ่มเมื่อเตรียมฟืมและเส้นพุ่งเรียบร้อย ใช้หลอดด้ายที่ถูกเรียงลำดับจากเฉดสีหรือลายเอาไว้แล้วใส่ในกระสวยสำหรับทอด้วยพุงกระสวยผ่านตัวร่องสลับของลำไหมไปมาเลื่อยๆ ซ้ายขวาจนสุดเส้นยืน