หลักสูตรพัฒนาทักษะตามโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ ( มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ)
ดิฉัน นางสาวกุลนันทน์ จันทรา ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เทศบาลตำบลโนนเจริญ ได้ทำการลงพื้นที่ดูความเป็นอยู่ แหล่งสถานที่สำคัญ และการประกอบอาชีพและติดตามผลการทำงานของคนในชุมชน บ้านโคกใหญ่หมู่ 9 ตำบลโนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด มีแหล่งโบราณสถานที่สำคัญหลายแหล่ง คือ เตาเผาสวาย เตาเผาตาเจียน ปราสาททอง ลานหินตัดบ้านกรวด โดยเป็นสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งดูแลโดยกรมศิลปากรและคนในชุมชน เป็นสถานที่เก่าแก่โบราณที่ในอดีต เป็นแหล่งอาศัยอยู่ของกลุ่มบรรพบุรุษ เป็นสถานที่ ที่ใช้ในการเผาหม้อดิน ถ้วยชาม และโอ่ง ไห่ แจกันต่างๆ ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 1000-2000 ปี และในช่วงนี้ คนในชุมชนบางส่วนเริ่มทำการกู้มันสำปะหลังขึ้นจากบริเวณพื้นที่นาเพื่อทำการลงนาว่านข้าว โดยมันสำปะหลังจะทำการปลูกหลังจากช่วงเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ เพื่อไม่ให้ที่นาว่างเปล่า หลังจากการกู้มันสำปะหลังและ จะเริ่มทำการเพาะปลูกข้าว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม และเก็บเกี่ยวสิ้นสุดไม่เกินกุมภาพันธ์ นิยมปลูกกันมากในภาคอีสานเพราะไม่มีระบบชลประทานต้องอาศัยน้ำจากฝนเท่านั้น โดยข้าวที่ต้องปลูกในการทำนาแบบนาปี คือ ‘ข้าวไวต่อช่วงแสง’ ซึ่งออกดอกตามฤดูกาลเฉพาะในเดือนที่มีความยาวของกลางวันสั้นหรือน้อยกว่า 12 ชั่วโมง เช่น ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ไม่ว่าจะปลูกเมื่อไหร่ก็จะออกดอกช่วงเดือนตุลาคมเท่านั้น พันธุ์ข้าวนาปีจะแบ่งออกเป็น ‘ข้าวเบา’ หรือข้าวที่ออกดอกช่วงกันยายนถึงตุลาคม ‘ข้าวกลาง’ หรือข้าวที่ออกดอกช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายน และ ‘ข้าวหนัก’ หรือข้าวที่ออกดอกช่วงธันวาคมถึงมกราคม
หลังจากช่วงฤดูลงนาว่านข้าวผ่านไป กลุ่มแม่บ้าน บ้านโคกใหญ่จะรวมกลุ่มกันสร้างอาชีพเพื่อหารายได้เสริม คือการทำกลุ่มผ้าไหม มีการปลูกต้นหม่อนไว้สำหรับการเลี้ยงหนอนไหม มีการจัดตั้งกลุ่มหม่อนไหม กลุ่มทอผ้า โดยมีนางสมใจ ชึรัมย์ เป็นประธานกลุ่ม โดยจะมีการแบ่งหน้าที่ในการจัดทำผ้าไหม ตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงหม่อนไหม การสาวไหม การนำเส้นไหมที่ได้มาผ่านกระบวนการต่างๆ ตลอดจนการทอให้เป็นผื่น เมื่อทอผ้าสำเร็จเป็นพื้นแล้วก็จะมีกลุ่มเยาวชนที่เป็นลูกหลานของกลุ่มผู้เลี้ยงหม่อนไหม ได้นำผ้าไหม มาทำการถ่ายรูปและโพสต์ขายตามโซเซียลต่างๆ เช่น Facebook Line และInstragram เมื่อก่อนมีบุคคลภายในนอกแวะเวียนเข้ามาซื้อและเยี่ยมชมสิ้นค้า ผ้าไหมท้อมือเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยสถาณการณ์ปัจจุบัน การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผล กระทบรุ่นแรงมากทำให้การซื้อขายลดน้อยลงไปมาก กลุ่มผู้ทอผ้าไหม จึงหารายได้เสริมจากอาชีพอื่นๆร่วมด้วย ก็คือการปลูกกล้วยน้ำหว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ เพื่อจำหน่าย