การดำเนินงานโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ในครั้งนี้ข้าพเจ้านางสาวกชพร ใจหวัง เจ้าหน้าที่ดำเนินงานตำบลโนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ จากการดำเนินงานประจำเดือนพฤศจิกายน คณะผู้ดำเนินงานได้จัดอบรมการทำผลิตข้าวสารเพื่อจัดจำหน่าย มีรายละเอียดดังนี้
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม เป็นช่วงที่ชาวนาทุกคนกำลังมีความสุขมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในรอบปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ข้าวในนากำลังสุกเหลืองอร่ามและได้เวลาทำการเก็บเกี่ยวเพื่อนำไปจำหน่ายและเก็บผลผลิตส่วนหนึ่งเอาไว้รับประทานเองด้วย
สำหรับการเกี่ยวข้าวนั้น ในอดีตชาวนาบ้านโนนเจริญเคยเกี่ยวข้าวโดยการใช้แรงงานคนในการเกี่ยวข้าว ทั้งด้วยการจ้างและการใช้วิธีลงแขก แต่ในปัจจุบันนี้รูปแบบการเกี่ยวข้าวแบบเดิมๆ หาดูได้ยากเต็มที อันเนื่องมาจากการเข้ามาของ “รถเกี่ยวข้าว” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ที่ช่วยลดขั้นตอนการเก็บเกี่ยวลง ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดค่าแรง และสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไม่ดีมากนัก น้ำมันแพงขึ้น ค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวก็ราคาสูงขึ้นด้วย แต่ราคาผลผลิตข้าวเปลือกกลับมีราคาที่ต่ำลง ทำให้ชาวนาน้ำตาตกในกันทุกหลังคาเรือน ผู้ดำเนินงานตำบลโนนเจริญมองเห็นปัญหาในจุดตรงนี้ จึงได้แนะแนวทางให้ชาวบ้านเปลี่ยนจากจำหน่ายข้าวเปลือกมาเป็นจำหน่ายเป็นข้าวสารแทน โดยมีผู้ดำเนินงานช่วยคิด และหาแนวทางเพื่อนำผลผลิตไปจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน
ข้าวที่ชาวบ้านนิยมปลูกในตำบลโนนเจริญส่วนใหญ่เป็น “ข้าวหอมมะลิ” เป็นตัวแทนเมนูอาหารไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะใครได้ชิมแล้วก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่ว่ากันว่าคล้ายกลิ่นใบเตย หรือกลิ่นดอกไม้หอม ๆ ถึงแม้ว่า “ข้าว” จะเป็นอาหารหลักของผู้คนมายาวนาน แต่ “ข้าวหอมมะลิ” ถือได้ว่าพัฒนาสายพันธุ์มาจากประเทศไทยเราอย่างแท้จริง เนื่องจากข้าวหอมมะลิในประเทศไทยมีหลายสายพันธุ์ อาทิ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ โดยข้าวแต่ละประเภทมีปริมาณของสารอาหารแตกต่างกันตามถิ่นการปลูก ซึ่งบางพันธุ์ก็มีวิธีการสีเพื่อคงคุณค่าสารอาหารไว้ ในรูปแบบข้าวซ้อมมือ หรือจมูกข้าว เพราะข้าวหอมมะลิมีคุณประโยชน์ ดังนี้
-
- มีคุณค่าทางอาหารจากโปรตีน เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกาย ทั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ และอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของการเพิ่มจำนวนของสารพันธุกรรม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้หญิง ก็ควรรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก
- มีเส้นใยอาหาร ป้องกันท้องผูก เส้นใยอาหารจากข้าวนั้น ไม่ถูกดูดซึมในลำไส้ จึงสามารถช่วยกำจัดสิ่งสกปรกในลำไส้ช่วยทำความสะอาดระบบขับถ่าย ป้องกันการท้องผูก
- มีวิตามินบี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา ในข้าวมีสารอาหารประเภทวิตามินบีสูง โดยเฉพาะวิตามินบีหนึ่งที่ป้องกันอาการโรคเหน็บชา ซึ่งควรจะรับประทานข้าวทุกวัน
-
- มีวิตามินบี 2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก นอกจากนี้ ข้าวหอมมะลิยังมีวิตามินบีสองที่ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ซึ่งเป็นโรคที่มาจากการขาดธาตุเหล็ก หรือติดเชื้อจากแบคทีเรีย และเกิดจากพันธุกรรม ซึ่งการได้รับวิตามินบี 2 อย่างเพียงพอสามารถป้องกันโรคนี้ไดด้วย
- มีวิตามินบี 6 ป้องกันโรคผิวหนัง และโรคผิวหนังที่เกิดแพ้เป็นผื่นต่าง ๆ ก็ป้องกันได้ด้วยวิตามินบี 6 ที่พบอยู่ในข้าวหอมมะลิได้เช่นกัน
- มีฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูก ข้าวได้ดึงสารอาหารขึ้นมาจากพื้นดิน หนึ่งในนั้นก็คือฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่เสริมสร้างการสร้างกระดูก และป้องกันการเกิดตะคริวได้ด้วย
- มีวิตามินอี ช่วยต้านการแข็งตัวของเลือด อีกหนึ่งสารอาหารที่ได้จากข้าวหอมมะลิก็คือวิตามินอี ที่สามารถช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากหลอดเลือดได้ด้วย ซึ่งมักพบวิตามินอีสูงในจมูกข้าว
- มีธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กเป็นธาตุสำคัญที่ช่วยสร้างเม็ดเลือด ดังนั้นหากร่างกายได้รับธาตุเหล็กเพียงพอก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
- มีเบต้าแคโรทีน ไม่ได้มีแค่ฟักทองกับแครอทที่มีปริมาณเบต้าแคโรทีนสูง ในข้าวก็มีสารอาหารนี้ ซึ่งช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็น หากร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนเพียงพอก็จะลดความเสี่ยงการเกิดภาวะต้อกระจก
- มีธาตุแมงกานีส กระตุ้นการสร้างเอนไซม์และการเจริญเติบโต แมงกานีสเป็นธาตุที่ช่วยในการดูดซีมสารอาหารอื่น ๆ เข้าสู่ร่างกาย และยังช่วยในการสังเคราะห์กรดไขมัน
ข้าวหอมมะลิมีทั้งหมด 4 เกรด
การจำหน่ายข้าวหอมมะลิในปัจจุบันนั้นมีเกรดที่คละกัน เนื่องมาจากสายพันธุ์หลักที่นำมาปลูก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 แบบ ดังนี้
-
- เกรดดี 95.5
- เกรดปานกลาง 70.3
- เกรดไม่ดี 50.9
- เกรดการปรับปรุง 20.0
ซึ่งถือว่าคนไทยเรานั้นโชคดีที่ได้มี “ข้าวหอมมะลิ” เป็นพืชที่ปลูกได้ในบ้านเรา เพราะคนทั่วโลกต่างยกให้ “ข้าวหอมมะลิ” เป็นอาหารชั้นเลิศ ซึ่งหากเราได้รับประทานข้าวหอมมะลิเป็นประจำทุกวัน ก็จะได้รับสารอาหารสูง เสมือนมียาบำรุงชั้นเลิศอยู่ในบ้านของเราแล้ว