ข้าพเจ้านางลำใย นุชเวช ประเภทประชาชน ผู้ปฏิบัติงานในตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ทำการลอกกาวไหม
คือการทำความสะอาดเส้นใยไหมด้วยการกำจัดส่วนของ sericin ที่มีลักษณะเป็นสารสีเหลืองทึบหรือมีสีขาวออกจากเส้นใยไหมเพื่อการเตรียมเส้นใยไหมก่อนที่จำนำมาย้อมสีต่างๆ ซึ่งถ้าหากไม่มีการกำจัดสารดังกล่าวออก หากนำมาย้อมก็จะทำให้เกิดการย้อมติดสีต่างๆ ได้ยาก โดยจะได้เส้นใยไหมที่ผ่านการลอกกาวจะมีลักษณะสีขาว มันวาว อ่อนนุ่ม สามารถย้อมติดสีต่างๆ ได้ดี
การลอกกาวไหมสามารถแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ
- การลอกกาวไหมด้วยน้ำด่างธรรมชาติ
- การลอกกาวไหมด้วยสารเคมี
อุปกรณ์การลอกกาวไหม โดยครั้งนี้ข้าพเจ้าทำการลอกกาวไหมด้วยสารเคมี
- น้ำสำหรับต้ม 6 ลิตร
- ไหมดิบเบอร์ 4 ½ กิโลกรัม
- สบู่ซัลไลขูด 1 ช้อนโต๊ะ
- โซดาแอช (Na2CO3) หรือผงด่องไหม ½ ซอง มีจำหน่ายซองละ 5 บาท
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการลอกกาวไหม
– เติมน้ำลงหม้อประมาณ 6 ลิตร ใส่สบู่ซัลไลขูด โซดาแอช และน้ำมันมะกอก ตามที่กำหนด
– ต้มน้ำในหม้อย้อม ให้น้ำร้อนประมาณ 70 องศาเซลเซียส สังเกตุผิวน้ำในหม้อเกิดไอน้ำ
– นำเส้นไหม ½ กิโลกรัม ลงในหม้อ กดไหมให้จมน้ำ จนเส้นไหมมีลักษณะเปียกน้ำ และพองตัว
– ค่อยๆเพิ่มไฟ ให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 95 องศาเซลเซียส จนถึงเดือด และต้มเส้นไหมนาน 60 นาที
– นำเส้นไหมขึ้นมาวางทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อให้เย็นตัวลง ก่อนนำไปล้างน้ำอุ่น 60-70 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3 นาที บิดหมาดๆ และกระตุก 2-3 ครั้ง
– นำไปล้างน้ำเย็น 2 ครั้ง ครั้งละ 2-3 นาที บิดหมาดๆ และกระตุก 2-3 ครั้ง
– นำไปตากแห้ง ประมาณ 3-4 วัน
โดยการลอกกาวไหมในครั้งนี้จะทำให้แล้วเสร็จก่อนวันเข้าพรรษา เพราะเมื่อเข้าพรรษาแล้วจะไม่ทำการลอกกาวไหมอีกจนกว่าจะถึงวันออกพรรษา เนื่องจากเป็นความเชื่อมาแต่โบราณว่า ถ้าทำไปแล้วจะเกิดโทษเกิดภัย เกิดเสนียดจัญไรแก่ตนและผู้อื่น และจะสามารถทำการลอกกาวไหมอีกครั้งได้ หลังจากออกพรรษาแล้วเท่านั้น