ชื่อบทความ : ขายของออนไลน์ช่องทางไหนถึงจะ WIN ที่สุด!
ชื่อหมู่บ้าน : บ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน  อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์
ชื่อเจ้าของบทความ : นายอัครพล กันรัมย์


ช่องทางการขายของออนไลน์ในปัจจุบันมีเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งการขายผ่าน Social Media อย่าง Facebook ที่ไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมี Live Shopping ออกมาให้พ่อค้าแม่ค้าใช้งานกัน ฝั่ง Google ก็มีทั้ง Google Shopping Ads, Google Shopping Tab ส่วน Marketplace ก็มีหลากหลายเว็บไซต์ถ้านับจำนวนคนเกินนิ้วมือแน่ ๆ แล้วไหนยังจะมีเว็บไซต์ของแบรนด์ที่ต้องทำอีก ช่องทางการขายเยอะขนาดนี้ แต่ช่องทางไหนล่ะที่จะ Win ที่สุดในปี 2021

นิยามของช่องทางการโฆษณาออนไลน์ยอดนิยม

  • Social Media Ads เหมือนการวางป้ายบิลบอร์ดบนโลกออนไลน์ เหมาะในการเน้นการกระจายการรับรู้ของแบรนด์ให้กว้าง ทำให้คนรู้จักแบรนด์
  • การลงโฆษณาบน Marketplace เปรียบเสมือนการตั้งป้ายโฆษณาในห้างสรรพสินค้า เน้นเข้าถึงคนที่มองหาสินค้าอยู่ ทำให้เขารับรู้ถึงแบรนด์ของเรา
  • Google Text Ads เหมือนพนักงาน Information บนโลกออนไลน์ ที่คอยให้ข้อมูลกับคนที่มีความต้องการมองหาข้อมูลของสินค้าหรือบริการต่าง ๆ
  • Google Shopping Ads เปรียบได้กับโบว์ชัวร์โฆษณาสินค้า ที่ถูกแจกให้กับคนที่กำลังมีความสนใจอยากจะซื้อสินค้าอยู่แล้ว ซึ่งในโบชัวร์จะมีทั้งภาพ ราคา และชื่อร้านค้า
  • Google Discovery เป็นโฆษณาที่แสดงในรูปแบบของรูปภาพ เปรียบเสมือนการวางป้ายบิลบอร์ดบนโลกออนไลน์ แบบเดียวกับ Social Media Ads แต่จะไปแสดงผลใน Youtbue หรือ Gmail แทน

    ช่องทางการขายไหนที่ Win ที่สุดในปี 2021

    อยากทั้งข้อมูลสถิติที่กล่าวมาข้างต้น และยังมีนิยามของการขายในแต่ละช่องทาง เราจะเห็นได้ว่า ผู้คนเข้าชมช่องทางออนไลน์กันหลากหลาย และวิธีการเข้าถึงก็แตกต่างกัน รวมถึงจุดประสงค์ของแต่ละช่องทางก็ล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นการที่จะบอกว่าช่องทางไหนจะ Win ที่สุด คงจะตอบไม่ได้ถ้าไม่พ่วงจุดประสงค์ทางการตลาด และ Customer Behavior เข้าไป ซึ่งในแต่ละจุดของ Journey ของลูกค้าก็จะมีช่องทางการขาย หรือช่องทางโฆษณาที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราอาจจะลองมองออกมาเป็นแบบแผนภาพด้างล่างนี้

 

 

 

 

 

 

  • ในภาพนี้เราเริ่มต้นสร้างการรับรู้ด้วยการโฆษณา ให้เค้าเห็นผ่านตา ด้วย Social Media หรือ Google Ads ส่งโฆษณาในรูปแบบของรูปภาพหรือวีดีโอเข้าไปให้ผู้คนได้เห็น ได้รับรู้ถึงแบรนด์ของเรา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่จะทำให้เขาได้รู้จักกับแบรนด์ของเรา เพราะหาเขาไม่รู้จักแบรนด์ของเราเลย ก็ยากที่เขาจะกลายมาเป็นลูกค้าของเราได้
  • หลังจากนั้น เราก็ใช้การทำ SEO ให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาใน Google เพื่อที่ว่ามีใครมาค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และบริการของเราแล้ว เขาเหล่านั้นจะได้พบกับข้อมูลสินค้าหรือบริการของเราทันที ซึ่งนอกจากการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแล้ว คุณอาจจะใช้ทางลัดโดยการลงโฆษณาผ่าน Google Text Ads, Google Shopping Ads ช่วยก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้การขายผ่าน Marketplace เข้าถึงลูกค้ากลุ่มที่ชอบซื้อสินค้าบน Marketplace หรือ หวังให้ Marketplace นำข้อมูลสินค้าของคุณไปทำโฆษณาบน Search Engine ก็เป็นไปได้ ซึ่งสิ่งสำคัญของขั้นตอนนี้ นอกจากการทำให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการของเราติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาแล้ว ยังจะต้องทำให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการของเรา “โดดเด่น” กว่าคู่แข่งอีกด้วยนะคะ
  • และเมื่อลูกค้าค้นเจอข้อมูลของเรา และคลิกเข้ามาดูข้อมูลแล้ว ขั้ยตอนถัดจากนั้นคงหนีไม่พ้นการ “ปิดการขาย” ซึ่งจะใช้ช่องทางไหนปิด ก็คงขึ้นอยู่กับว่าในขั้นตอนที่ลูกค้าพบเจอเรา เขาเจอเรา และเข้ามาหาเราทางช่องทางไหน ดังนั้นช่องทางใดก็ตามที่ให้ข้อมูลสินค้า-บริการ ช่องทางนั้นก็จะต้องเป็นช่องทางที่ปิดการขายไปด้วย ซึ่งลูกค้าบางคนอาจจะชอบสั่งซื้อผ่านเว็บ เพราะชอบเลือกของด้วยตนเอง ชำระเงินเองไม่ต้องเสียเวลาพูดคุย ในขณะที่ลูกค้าอีกคนอาจจะชอบทักมาคุย และสั่งซื้อผ่าน Chat ก็เป็นไปได้
  • ลูกค้าซื้อแล้ว อย่าลืมชวนให้มากด Like เพจ หรือจะขออีเมล/เบอร์โทร.ลูกค้าไว้ เพื่อติดต่อสอบถามฟีดแบ็กการใช้งานสินค้าหรือบริการของเรา รวมถึงยังสามารถเสนอขายสินค้าใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าคนเดิมได้อีกด้วย

คนไทยใช้ LINE มากกว่า 33 ล้านคน เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบัน Line ไม่ใช่แค่ Application Chat รับส่งข้อความธรรมดา แต่เป็นอีกช่องทางของการทำการตลาดออนไลน์ (Line Marketing) เพราะมี Platform ที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างธุรกิจ มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เจ้าของแบรนด์สามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง โดย NHN และ LINE Thailand ได้เปิดช่องทางให้แบรนด์เข้าร่วมการทำ Line Marketing ผ่าน LINE 3 ช่องทาง คือ

1. การทำ Line Marketing ผ่าน LINE Official Account

ขั้นแรกของการทำการตลาด LINE ใช้กลยุทธ์อย่างชาญฉลาด เปิดตัวช่องทาง Official Account (บัญชีทางการ) ให้แก่ศิลปินและดาราไว้สำหรับเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับแฟนๆ เพื่อทดสอบพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้บริการ (ผู้บริโภค) ก่อน เมื่อพบว่าประสบความสำเร็จในด้านการสร้างความสัมพันธ์และการสื่อสาร จึงได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังธุรกิจแบรนด์สินค้าขนาดใหญ่ทั่วไป ทำให้แบรนด์มีช่องทางการติดต่อกับกลุ่มลูกค้าโดยตรงผ่านการส่งข่าว โปรโมชั่น หรือสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อต่างๆ ทั้งในรูปแบบข้อความ ภาพ วิดีโอ เสียง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ติดตาม ซึ่งผลการวิจัยออกมาว่า รูปภาพ วิดีโอ เสียง สามารถดึงดูดความสนใจและมีส่วนกระตุ้นทำให้ผู้บริโภคเกิดความตั้งใจซื้อสินค้ามากขึ้น

2. การทำ Line Marketing ผ่าน LINE Sponsored Sticker

Line Marketing นี้ เป็นการทำการตลาดทางอ้อม ที่ธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่สามารถเปลี่ยนมาสคอตหรือคาแรคเตอร์ประจำองค์กรให้กลายเป็นสติกเกอร์ แล้วแจกฟรีให้กับผู้ใช้ LINE เพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำในคาแรคเตอร์ดังกล่าว ซึ่งจะช่วยโปรโมทภาพลักษณ์ขององค์กรให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะการทำ LINE Sponsored Sticker จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก

3. การทำ Line Marketing ผ่าน LINE@

หลังจากเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ไปแล้ว NHN ก็หันมาเอาใจธุรกิจขนาดเล็กอย่าง SMEs ด้วยการเปิดให้บริการ LINE@ ซึ่งมีการทำงานคล้ายคลึงกับ LINE Official Account แต่เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหลายเท่า ผู้ทำธุรกิจจะรู้สึกเสมือนได้สร้าง Fan Page บน Facebook เพราะ LINE@ มีฟังก์ชันมากมายที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารู้จักและทราบถึงความพิเศษของบริษัท หรือแบรนด์ หรือสินค้าของคุณ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจ SMEs หรือร้านที่ผู้ทำธุรกิจต้องแชทขายของและรับออเดอร์ทางไลน์เป็นประจำ จนสามารถเรียกได้ว่า LINE@ เป็น New Marketing Channel ใหม่ในโลก Digital Marketing ได้เลย

 


รูปภาพประกอบกิจกรรม

 


แหล่งอ้างอิง : https://rb.gy/ibagwu
https://rb.gy/xxwws2


วีดีโอประจำตำบล

อื่นๆ

เมนู