ชื่อบทความ:ID02หลักสูตรอบรมเชิงปฎิบัติการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการทำปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อความยังยืนด้านการเกษตรชุมชนตำบลโคกย่าง
พื้นที่: ตำบลโคกย่าง อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
ชื่อเจ้าของบทความ: นาย ปรีชา มะลิซ้อน
ประเภท : ประชาชน
กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมยกระดับการท่องเที่ยว
จากที่ทีมงานU2Tได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและทำกิจกรรมต่างๆที่ผ่านมาได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ ภูมิศาสตร์ ประวัติความเป็นมาของชุมชน และอาชืพภายในชมชน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ(มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ได้จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฎิบัติการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในตำบลโคกย่างขึ้นเพื่อยกระดับเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน โดยทางคณะอาจารย์ประจำตำบลโคกย่างและทีมงาน U2T ได้เชิญชวนกลุ่มชุมชนเป้าหมาย มาร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น กลุุ่มแม่บ้านทอเสื่อกกตำบลโคกย่าง คณะครูของโรงเรียนโคกย่าง คณะผู้นำกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลโคกย่าง เจ้าหน้าที่ของ รพ.สต.ตำบลโคกย่างและกลุ่มเพาะเห็ดตำบลโคกย่าง
ซึ่งทางคณะอาจารย์ประจำตำบลโคกย่างได้เรียนเชิญ อาจารย์ วันดี เธียรสวัสดิ์กิจ ประธานชมรมมัคคุเทศก์จังหวัดบุรีรัมย์ มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในชุมชนจากการบรรยายอ.วันดีได้ให้ผู้เข้าอบรมร่วมทำกิจกรรมเขียน Work shop ค้นหาอัตลักษณ์ จุดเด่น สินค้า วัฒนธรรมประเพณี ที่สามารถนำไปทำกิจกรรมการท่่องเที่ยว และฝึกการเป็นมัคคุเทศก์ชุมชนตำบลโกย่าง
รูปภาพประกอบ
กิจกรรมที่ 2 การทำปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อความยังยืนด้านการเกษตรชุมชนตำบลโคกย่าง
กิจกรรมอบรมการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ในตำบลโคกย่าง อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้เชิญวิทยากร อาจารย์เลิศภูมิ จันทรเพ็ญกุล ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร มาให้ความรู้และพาปฏิบัติลงมือทำปุ๋ยหมักร่วมกับชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้รับความรู้และจดจำวิธีการอย่างชัดเจนและเป็นประโยชน์ให้กับชาวบ้านได้นำไปใช้กับพืชไร่ของเกษตรกรต่อไป
ปุ๋ยหมักชีวภาพ คือ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผ่านกระบวนการหมักกับน้ำสกัดชีวภาพ ช่วยในการปรับปรุงดิน ย่อยสลายอินทรีย์วัตถุในดินเป็นอาหารแก่พืช (เพื่อลดต้นทุนในการผลิตให้มากที่สุด ใช้วัตถุดิบที่มีในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด แล้วก็จะทำให้รายได้ของชาวบ้านมีกำไรมากขึ้นโดยการลดต้นทุนในการผลิต)
1.การทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง คือ จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปตามธรรมชาติทั้งในดินและน้ำ ทำหน้าที่กำจัดของเสีย ก๊าซและสารพิษต่าง ๆ
ประโยชน์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
- ช่วยตรึงไนโตเจนในดิน เพิ่มไนโตเจนให้กับพืช
- เร่งการเจริญเติบโต ทำให้พืชแข็งแรงแล้วโตเร็วเป็น 3 เท่า
- เมื่อใช้ทางดินทำให้รากพืชแข็งแรงและหาอาหารได้ดีขึ้น ใช้กับนาข้าวช่วยเร่งการแตกกอของข้าว
- ช่วยในการย่อยธาตุอาหารและวัตถุอินทรีย์ในดิน เพื่อให้พืชดูดซึมไปใช้ได้อย่างง่ายดาย
- ป้องกันพืชโดยการทำลายจุลินทรีย์ไม่ดีในดิน ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคพืช
วัสดุอุปกรณ์
- น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
- ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรหรือมากกว่า
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำปลายี่ห้อใดก็ได้
วิธีทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
- ตอกไข่ใส่ถ้วยแล้ว คนให้เข้ากัน
- ใส่ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลายี่ห้อใดก็ได้1 ช้อนโต๊ะ
- นำน้ำใส่ขวดขนาด 1.5 ลิตร ก่อนเติมไข่ไก่ที่เตรียมไว้ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ
- นำไปตั้งไว้ในบริเวณกลางแจ้งที่มีแดดส่งถึงทุกวัน
รูปภาพประกอบ
2.การทำน้ำหมักชีวภาพใช้เอง จากหน่อกล้วย
การทำจุลินทรีย์หน่อกล้วย คือการนำหน่อกล้วยมาหมักให้ได้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เพื่อนำมาใช้ในการเกษตร เพราะในดินที่มีต้นกล้วยขึ้นจะเป็นดินที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์ มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืช ทั้งยังสามารถนำจุลินทรีย์มาปรับสภาพดินให้เหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืช จะเห็นได้ว่าที่ใดมีต้นกล้วยขึ้น ดินบริเวณนั้นจะร่วนซุย โปร่ง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ จึงเป็นเหตุผลที่เราทำจุลินทรีย์หน่อกล้วยซึ่งเป็นจุลินทรีย์ดีเติมกลับลงไปในดินที่เราจะปลูกพืช
- หน่อกล้วย 1 ต้น สูงประมาณ 1 เมตร
- สารเร่ง พด.2 2 ซอง
- กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม
- น้ำเปล่า 200 ลิตร
- ถังพลาสติก
วิธีทำ การทำจุลินทรีย์หน่อกล้วย
- หั่นหรือสับหน่อกล้วยให้เป็นชิ้นเล็กๆ
- กากน้ำตาล ผสมน้ำ 10 ลิตร นำสารเร่ง พด.2 ผสมลงไป คนให้เข้ากันนาน 5 นาที
- นำหน่อกล้วยสับแล้ว ใส่ในถังพร้อมน้ำเปล่าทั้งหมด และส่วนผสมกากน้ำตาลกับสารเร่ง พด.2 คนส่วนผสมให้เข้ากัน
- ปิดฝาไม่ต้องสนิท ตั้งไว้ในที่ร่ม ระหว่างการหมักคนหรือกวนทุกวัน วันละ 1 ครั้ง เพื่อการระบายก๊าซและทำให้ส่วนผสมคลุกเคล้าได้ดีขึ้น
- หมักนาน 21 วัน กรองน้ำใส่ขวดไว้ใช้ได้
การนำไปใช้
น้ำหมัก 1 ลิตร ผสมน้ำเปล่า 100 ลิตร ใช้ฉีดพ่นลงดิน จะทำให้ดินร่วนซุย ฉีดพ่นทางใบลดปริมาณน้ำหมักลงครึ่งหนึ่งฉีดพ่น ปีละ 2 ครั้ง ช่วงก่อนออกดอกและช่วงหลังตัดแต่งกิ่ง
รูปภาพประกอบ
3.การทำปุ๋ยหมักมูลวัวกับฟางข้าว
การทำปุ๋ยหมักมูลวัว คือปุ๋ยที่ได้จากการหมักสารอินทรีย์ให้สลายตัวผุพังตามธรรมชาติ โดยนำสิ่งเหล่านั้นมากองรวมกัน รดน้ำให้ชื้น แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เกิดการย่อยสลายตัวโดยกิจกรรมของจุลินทรีย์ จึงนำไปใช้ปรับปรุงดิน
วัสดุอุปกรณ์
- มูลวัว เพราะหาง่ายสุด หรือมูลสัตว์ชนิดไหนก็ได้
- เศษฟางข้าว หรือใบไม้ หรือเศษผักต่างๆ ที่กินเหลือ
- กระบวยรดน้ำ
- จอบ พลัวผสม
- ผ้ายางคลุมปุุ๋ยหมัก
วิธีทำ
ในการทำปุ๋ยหมักจะใช้ มูลวัว และฟางข้าว เป็นวัสดุในการหมัก ซึ่งสัดส่วนในการหมักจะเป็น 4:1 คือ ฟางข้าว 4 และมูลวัว 1 นำมูลวัวและฟางข้าวผสมให้เข้ากันต่อมาก็ให้รดน้ำให้ทั่วๆ พอชุ่มในการหมักปุ๋ยเราจำเป็นต้องรดน้ำให้ชุ่ม และทั่วทุกวัน วันละครั้งจะตอนเวลาไหนก็ได้ และจะวางไว้ในที่ร่ม หรือกลางแจ้งก็ได้ ถ้าวันไหนฝนตกเราก็ยังคงต้องรดน้ำจากนั้นผ้ายางคลุมปุุ๋ยหมักและทุกๆ 10 วันก็ให้เอาไม้ เจาะกองปุ๋ยสัก 6-7 จุด ทั่วๆ กองปุ๋ยของเรา แล้วรดน้ำเติมลงไปในรูนั้นๆ เพราะให้น้ำสามารถเข้าไปยังข้างในกองปุ๋ยได้ทำให้จุลทรีย์ยังคงทำงาน
ให้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 60 วัน หรือจะนานกว่านี้ก็ได้ ถ้าเราเปิดกองปุ๋ยขึ้นมาจะพบว่าภายในกองปุ๋ยจะเป็นเนื้อละเอียด หากต้องการนำมาใช้งาน ให้ล้มกองปุ๋ยออกมาเทลงพื้นตากแดดไว้ 1 สัปดาห์ เพื่อให้จุลทรีย์ในกองปุ๋ยสงบลง แล้วค่อยนำไปใช้
ประโยชน์ของปุ๋ยหมักชีวภาพ
1. ทำให้โครงสร้างของดินและการซึมผ่านของน้ำดีขึ้น
2. เพิ่มการดูดซับธาตุอาหารหลักและลดความเป็นพิษของธาตุบางชนิด
3. เพิ่มกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดินและลดปริมาณเชื้อโรคพืชบางชนิด
4. การระบายอากาศของดินและรากพืชแผ่กระจายได้ดีขึ้น
5. ดินค่อยๆปล่อยธาตุอาหารพืชและลดการสูญเสียธาตุอาหารของพืช
รูปภาพประกอบ
โดยกลุ่ม: คณะเทคโนโลยีอุตสากรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
พื้นที่ที่รับผิดชอบ: ตำบลโคกย่าง อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
ชื่อโครงการ: แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ(มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ตำบลโคกย่าง อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์