ข้าพเจ้านาย สุรเดช ชินรัมย์

ประเภท : นักศึกษา

 

ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายการปฏิบัติงานจากโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ได้รับมอบหมายปั้นชุดชา และกระถางต้นไม้ เพื่อให้ชาวบ้านทำการชุปเคลือบของชุมชนตำบลหินลาด อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์

 

ข้าพเจ้าและทีมงานนักศึกษาได้ทำการปั้นชุดชาเเละกระถางต้นไม้ ให้ชุมชนตำบลหินลาดเพื่อจัดเตรียมการเผาดิบ และการเผาเคลือบ เพื่อเร่งทำการเผาเคลือบ โดยการเผาเคลือบผลิตภัณฑ์ครั้งต่อไปจะทำการอบรม หรือสาธิตการชุปเครื่อบผลิตภัณฑ์ และเเนะนำวิธีการเผาที่ถูกต้อง ในการเผาดิบในครั้งนี้คือเผาชิ้นงานที่ปั้นขึ้นรูปด้วยการ ปั้นขึ้นรูปด้วยแป้นหมุนไฟฟ้า โดยทำการออกแบบลักษณะของชุดชาเเละกระถางต้นไม้เพื่อการปั้นจะได้ออกมาตรงตามแบบมากที่สุด ในการเผาเป็นหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญในการผลิต ด้วยการให้ความร้อนแก่เนื้อดินที่ผ่านการขึ้นรูปด้วยวิธีต่างๆ จะทำให้ชิ้นงานเปลี่ยนสภาพทั้งทางกายภาพ และทางเคมี กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน และรวมถึงความสวยงาม  กระบวนการเผาเซรามิกส์ มีหลายแบบขึ้นกับชนิดของเซรามิกส์ที่ผลิต ส่วนมากจะมีการเผาสองครั้ง เรียกว่าการเผาดิบ (biscuit firing) และเผาเคลือบ (glost firing)     ในปัจจุบัน เตาเผา ที่นิยมใช้กันมากตามโรงงานผลิตเซรามิกส์ คือเตาแก๊ส และเตาไฟฟ้า โดยที่เตาแก๊สเป็นเตาเผาหลักที่ใช้ในการผลิต เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงไม่แพงมากนัก หาได้สะดวก และก่อให้เกิดมลภาวะน้อย ขณะที่เตาเผาไฟฟ้า ซึ่งสะอาด สะดวก และควมคุมอุณหภูมิภายในเตาได้ดีกว่า จะใช้ในการทบสอบคุณภาพของวัตถุดิบ และเนื้อดินเท่านั้น เนื่องจากต้นทุนการติดตั้ง และการผลิตสูง

การขึ้นรูป

การขึ้นรูปแบ่งได้ดังนี้

การปั้นด้วยมือ ( Building by Hand ) การปั้นวิธีนี้ส่วนมากเป็นการปั้นให้มีรูปเหมือนของจริงหรือปั้นภาชนะเครื่องใช้ต่างๆด้วยมือและมีเครื่องมือใช้สำหรับตกแต่งในการปั้น เช่น การปั้นหม้อดินหุงข้าวปั้นขึ้นรูปด้วยมือ และมีเครื่องใช้คือ ไม้สำหรับตีให้มีรูปกลมมีก้อนหินสำหรับรองรับภายในดินที่ใช้ปั้นนั้นเป็นพวกดินเหนียว (Stiff – Mud )

การปั้นบนแป้นหมุน( Throwing on the Potter’s Wheel ) การปั้นวิธีนี้เข้าใจว่าเป็นวิธีแรกทีใช้แป้นเป็นเครื่องประกอบ แป้นหมุนอันแรกทำด้วยหิน ซึ่งสลักให้มีรูปกลม ตั้งอยู่บนก้อนหิน หมุนด้วยมือ ซึ่งเป็นการยากลำบากมากกว่าจะทำให้แป้นหมุนได้เที่ยง ครั้นต่อมาแป้นได้ถูกดัดแปลงจากหินมาทำด้วยไม้ ซีเมนต์ แผ่นเหล็ก ปูนพลาสเตอร์ หรือทำด้วยล้อรถยนต์ มีเพลาเหล็กและลูกปืนรองรับ ทำให้หมุนได้เที่ยงแน่นอน ใช้หมุนด้วยมือหรือฝ่าเท้าหรือหมุนด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้า การปั้นบนแป้นหมุนนี้จะได้เฉพาะภาชนะที่มีรูปกลมและปั้นด้วยดินเหนียว ทำให้เป็นรูปภาชนะต่างๆได้ โดยการรีดบีบเนื้อดินเหนียวด้วยมือบนแป้นหมุน ใช้หมุนด้วยเครื่องเครื่องยนต์ไฟฟ้าเรียกว่าJiggering ทำได้เฉพาะเครื่องปั้นขนาดเล็กที่มีรูปแบนกลมหรือกลมรี เช่น ถ้วย ชาม จานถ้าเป็นเครื่องปั้นขนาดใหญ่ยังต้องใช้แป้นแบบหมุนโดยเท้าถีบ เช่นโอ่ง ไห

สรุปผลการทำงาน ในการปั้นขึ้นรูปด้วยแป้นหมุนไฟฟ้าถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางใว้ ในแผนปฎิบัติงานในครั้งต่อไปผู้ปฎิบัติงานจะลงพื้นที่ไปทำการเผาเคลือบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป

อื่นๆ

เมนู