ข้าพเจ้า นายอภิสิทธิ์ กะการดี ประเภท กพร. เทศบาลตำบลโนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ หลักสูตร:โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล เพื่อสร้างรากแก้วให้ประเทศมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ID08(2) การส่งเสริมยกระดับการแปรรูปกล้วยด้วยระบบชิป สร้างนวัตกรรมก๊าซชีวมวลเพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชนจังหวัดบุรีรัมย์

กินกล้วยยังไงให้ปลอดภัยกับร่างกาย?

          

     

กล้วย เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมต่อการบริโภค และนำมาปรุงเป็นอาหารชนิดต่างๆ อย่างแพร่หลาย การรับประทานในปริมาณที่ปกติในรูปแบบของอาหารในชีวิตประจำวันนั้น น่าจะปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่หากต้องการรับประทาน หรือนำมาใช้เพื่อรักษาโรคในลักษณะใดๆ ก็ควรระมัดระวัง โดยการใช้อย่างเหมาะสม และถูกวิธี ควรสอบถามแพทย์เพื่อความแน่ใจก่อนว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อโรคที่เป็นอยู่

ประโยชน์ต่าง ๆ ทางโภชนาการของกล้วย

  1. แก้อาการท้องผูก
    สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย และลำไส้ การกินกล้วยเป็นประจำจะช่วยได้ เนื่องจากกล้วยมีทั้งโพรไบโอติกส์ที่ช่วยผลิตแบคทีเรียชนิดดีต่อลำไส้ และกำจัดแบคทีเรียตัวร้ายต่อลำไส้ออกไป อีกทั้งในกล้วยยังมีฟรุกโตโอลิโกแซกคาไรด์ ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่จะช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องตัวขึ้นมาก
  2. ช่วยรักษาไมเกรน
    อาการปวดหัวไมเกรนเป็นความทรมานสำหรับผู้ป่วยโรคนี้มาก และหากคุณมีอาการปวดหัวไมเกรนบ่อย ๆ แนะนำให้กินกล้วย จะช่วยลดอาการปวดหัวได้ เนื่องจากกล้วยอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ที่จะช่วยบรรเทา และป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้
  3. ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น
    กล้วย อุดมไปด้วยกรดอะมิโน และทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเปรียบเสมือนยาระงับประสาทแบบธรรมชาติ ดังนั้นคนที่นอนหลับยาก การกินกล้วยหลังอาหารมื้อเย็น หรือก่อนนอน จะช่วยทำให้นอนหลับได้สบายขึ้น
  4. ลดความอ้วนได้ดีขึ้น
    กล้วยมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาล และไขมัน อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ เมื่อกล้วยตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัว และช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น หากกินกล้วยในตอนเช้าจะช่วยลดความอยากของหวานได้อีกด้วย เพราะความหวานของกล้วยจะเข้าไปเติมเต็มอาการอยากของหวานชนิดต่าง ๆ ที่สำคัญความหวานของกล้วยยังปราศจากแคลอรีอีกด้วย
  5. ช่วยลดความเครียด
    เมื่อเรารู้สึกเครียด ความดันเลือดจะพุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ ซึ่งโพแทสเซียมที่มีอยู่ในกล้วยจะช่วยบรรเทาให้ความดันเลือดกลับเข้าสู่ภาวะสงบได้ ในทางโภชนาการจึงถือว่า กล้วยเป็นยาระงับประสาทแบบธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง
  6. บำรุงหัวใจ
    โพแทสเซียม เป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ บำรุงหัวใจให้แข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ และกล้วยมีโพแทสเซียมอยู่สูงมาก แถมมีโซเดียมน้อย ดังนั้นกล้วยจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงหัวใจ และบำรุงระบบหัวใจ และหลอดเลือด ได้ค่อนข้างสูง
  7. บำรุงสายตา
    วิตามิน A บวกกับ เบต้าแคโรทีน และอัลฟา-แคโรทีน ที่มีอยู่ในกล้วย จะช่วยบำรุงสายตา และการมองเห็นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะป้องกันอาการตาพร่ามัว อาการมองเห็นไม่ชัดเจน เพราะกล้วยมีสรรพคุณช่วยในการบำรุงการทำงานของระบบประสาทตา
  8. บำรุงกระดูก
    ถึงแม้กล้วยจะเป็นผลไม้ที่ไม่มีแคลเซียมเลย แต่ฟรุกโตโอลิโกแซกคาไรด์ คาร์โบไฮเดรตที่มีคุณสมบัติเหมือนไฟเบอร์ละลายน้ำได้ ที่มีอยู่ในกล้วย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับถ่าย และส่งเสริมให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมจากอาหารที่กินได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมไปบำรุงกระดูกเพิ่มขึ้นนั่นเอง
  9. ลดอาการโรคโลหิตจาง
    เพราะในกล้วยมีธาตุเหล็กสูง จึงช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตเม็ดเลือดแดงคุณภาพดี ซึ่งช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางได้ และยังช่วยในกรณีที่ไม่มีแรง ให้กลับมามีกำลังได้อีกด้วย

การแปรรูปของกล้วย ด้วยวิธีต่างๆ   

                       กล้วยฉาบ                                                             กล้วยตาก   

                   

                 

                                กล้วยเชื่อม                                                          เค้กกล้วยหอม

               

   

                        กล้วยอบเนย                                                                       เครื่องดื่ม

                 

 

นอกจากนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังสามารถเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  ประเทศในทวีปแอฟริกา เช่น ยูกันดา รวันดา บุรุนดี คองโก และแทนซาเนีย นิยมนำกล้วยมาทำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ ในประเทศยูกันดา เรียกเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า วารากิ (Waragi) ประเทศฝรั่งเศสนำเนื้อกล้วยสุกบดเหลวผสมกับน้ำ และทำให้ร้อน 65 – 70 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง แล้วทำให้เย็นลงที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส ต่อมาใส่เอนไซม์เพกทิเนส (pectinase) ทิ้งไว้นาน 24 ชั่วโมง ภายใต้บรรยากาศที่เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ นำส่วนที่เป็นกากมาบด แล้วนำส่วนที่เป็นน้ำมาหมักด้วยเชื้อ Saccharomyces cerevisiae ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ภายใต้บรรยากาศที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ หรือไนโตรเจน จะได้สุราผลไม้ที่ทำจากกล้วย

 

 

อื่นๆ

เมนู