ข้าพเจ้านางสาวจุฑารัตน์ เชือนรัมย์ กลุ่มประชาชน ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ หลักสูตร ID08 โครงการยกระดับเศรษกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ตำบลโนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ คนในชุมชนแห่งนี้มี กล้วย อยู่เป็นจำนวนมากปลูกมากสุดคือ กล้วยน้ำหว้า คนในชุมชนส่วนใหญ่จะปลูกเพื่อรับประทานไม่ได้ไว้ขายหรือจำหน่าย โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบรูณาการ(มหาวิทยาลัยสู่ตำบลสร้างรากแก้วให้ประเทศ) ได้แนวความคิดที่จะฝึกทักษะอาชีพด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์กล้วยให้กับคนในชุมชนเพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพและนำผลผลิตในชุมชนมาขยายแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากเดิมที่ปลูกเพื่อรับประทานอย่างเดียว ทำให้มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง
ประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิด
กล้วยหอม
กล้วยหอม สามารถช่วยเลิกบุหรี่ได้ เพราะมีวิตามินบี 6, บี 12 โพแทสเซียม และแมกนีเซียมอยู่มาก ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาดสารนิโคตินได้ดี ทำให้ช่วยลดอาการอยากบุหรี่ได้ดี นอกจากนี้สำหรับผู้หญิง ก่อนมีประจำเดือน ที่มีอาการปวดท้อง ปวดหัว กล้วยหอมก็สามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ด้วยปลายผลมีจุกเห็นชัด เปลือกบาง เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง แต่ที่ปลายจุกจะมีสีเขียว
กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า ช่วยแก้โรคโลหิตจาง โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าห่าม และสุก เพราะมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง และยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี แคโรทีน ไนอาซีน และใยอาหาร ที่ช่วยแก้โรคเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย ผลจะมีเหลี่ยมเล็กน้อย หรืออวบกลมไม่มีเหลี่ยม มีสีเขียวอมเทา ผลสุกเปลือกผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
กล้วยไข่
กล้วยไข่ ช่วยลดริ้วรอย เพราะในกล้วยไข่มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ เบต้าแคโรทีน ช่วยชะลอความชรา และริ้วรอยต่าง ๆ รวมถึงความเสื่อมของเซลล์ ที่สำคัญยังมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อร้ายได้ ผลมีลักษณะทรงรีเล็ก เรียงอยู่ในหวี มีผิวลื่น เปลือกบาง
กล้วยหักมุก
กล้วยหักมุก ช่วยแก้โรคกระเพาะ ใครที่ปัญหาเรื่องโรคกระเพาะอาหารบ่อย ๆ กล้วยหักมุกจะช่วยรักษาอาการนี้ได้ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของสารที่เรียกว่า ไซโตอินโดไซด์ 1, 2, 3, 4, 5 ซึ่งช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากแผลในกระเพาะอาหารได้ดีมาก ๆ และยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุของการท้องเสียได้ด้วย
ประโยชน์ต่าง ๆ ทางโภชนาการของกล้วย
- แก้อาการท้องผูก
สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย และลำไส้ การกินกล้วยเป็นประจำจะช่วยได้ เนื่องจากกล้วยมีทั้งโพรไบโอติกส์ที่ช่วยผลิตแบคทีเรียชนิดดีต่อลำไส้ และกำจัดแบคทีเรียตัวร้ายต่อลำไส้ออกไป อีกทั้งในกล้วยยังมีฟรุกโตโอลิโกแซกคาไรด์ ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่จะช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องตัวขึ้นมาก - ช่วยรักษาไมเกรน
อาการปวดหัวไมเกรนเป็นความทรมานสำหรับผู้ป่วยโรคนี้มาก และหากคุณมีอาการปวดหัวไมเกรนบ่อย ๆ แนะนำให้กินกล้วย จะช่วยลดอาการปวดหัวได้ เนื่องจากกล้วยอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ที่จะช่วยบรรเทา และป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้ - ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น
กล้วย อุดมไปด้วยกรดอะมิโน และทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเปรียบเสมือนยาระงับประสาทแบบธรรมชาติ ดังนั้นคนที่นอนหลับยาก การกินกล้วยหลังอาหารมื้อเย็น หรือก่อนนอน จะช่วยทำให้นอนหลับได้สบายขึ้น - ลดความอ้วนได้ดีขึ้น
กล้วยมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาล และไขมัน อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ เมื่อกล้วยตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัว และช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น หากกินกล้วยในตอนเช้าจะช่วยลดความอยากของหวานได้อีกด้วย เพราะความหวานของกล้วยจะเข้าไปเติมเต็มอาการอยากของหวานชนิดต่าง ๆ ที่สำคัญความหวานของกล้วยยังปราศจากแคลอรีอีกด้วย - ช่วยลดความเครียด
เมื่อเรารู้สึกเครียด ความดันเลือดจะพุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ ซึ่งโพแทสเซียมที่มีอยู่ในกล้วยจะช่วยบรรเทาให้ความดันเลือดกลับเข้าสู่ภาวะสงบได้ ในทางโภชนาการจึงถือว่า กล้วยเป็นยาระงับประสาทแบบธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง - บำรุงหัวใจ
โพแทสเซียม เป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ บำรุงหัวใจให้แข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ และกล้วยมีโพแทสเซียมอยู่สูงมาก แถมมีโซเดียมน้อย ดังนั้นกล้วยจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงหัวใจ และบำรุงระบบหัวใจ และหลอดเลือด ได้ค่อนข้างสูง - บำรุงสายตา
วิตามิน A บวกกับ เบต้าแคโรทีน และอัลฟา-แคโรทีน ที่มีอยู่ในกล้วย จะช่วยบำรุงสายตา และการมองเห็นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะป้องกันอาการตาพร่ามัว อาการมองเห็นไม่ชัดเจน เพราะกล้วยมีสรรพคุณช่วยในการบำรุงการทำงานของระบบประสาทตา - บำรุงกระดูก
ถึงแม้กล้วยจะเป็นผลไม้ที่ไม่มีแคลเซียมเลย แต่ฟรุกโตโอลิโกแซกคาไรด์ คาร์โบไฮเดรตที่มีคุณสมบัติเหมือนไฟเบอร์ละลายน้ำได้ ที่มีอยู่ในกล้วย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับถ่าย และส่งเสริมให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมจากอาหารที่กินได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมไปบำรุงกระดูกเพิ่มขึ้นนั่นเอง - ลดอาการโรคโลหิตจาง
เพราะในกล้วยมีธาตุเหล็กสูง จึงช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตเม็ดเลือดแดงคุณภาพดี ซึ่งช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางได้ และยังช่วยในกรณีที่ไม่มีแรง ให้กลับมามีกำลังได้อีกด้วย
การแปรรูปกล้วยด้วยวิธีต่างๆ
กล้วยตาก
ส่วนผสม กล้วยตาก
1. กล้วยน้ำว้า
2. เกลือป่น
3. น้ำเปล่า
วิธีทำกล้วยตาก
1. ตัดกล้วยออกเป็นหวี ๆ แล้วนำวางลงบนใบตอง ปิดทับด้วยใบตองและกระสอบ หรือนำใส่โอ่ง หรือถัง จากนั้นบ่มทิ้งไว้จนกล้วยสุกดี (บ่มจนผลกลมมน ไม่มีรอยเหลี่ยม และเปลือกตกกระสีดำ)
2. ปอกเปลือกกล้วยออก เรียงลงบนตะแกรง นำไปตากแดดจนกล้วยเกือบแห้งสนิท นานประมาณ 5 วัน และหมั่นคอยพลิกกลับด้านอยู่เสมอ
3. ก่อนนำกล้วยไปตากแดดในวันที่ 6 ให้ละลายน้ำกับเกลือให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นใช้ขวดน้ำคลึงหรือกดกล้วยให้แบน แล้วนำกล้วยลงไปล้างในน้ำเกลือที่เตรียมไว้ จากนั้นนำกล้วยวางเรียงบนตะแกรง นำไปตากแดดอีก 1-2 วัน จนกล้วยแห้งได้ที่
4. เมื่อกล้วยแห้งได้ที่แล้ว ใส่กล้วยลงในหม้อ ปิดฝาให้สนิท วางทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้น้ำตาลจากกล้วยซึมออกมา (กล้วยจะเงาและไม่แห้ง) จากนั้นเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด กินได้ทันที
กล้วยฉาบ
ส่วนผสม กล้วยฉาบ
- กล้วยหอมดิบ 1 หวี
- น้ำปูนใส (สำหรับแช่กล้วย)
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
- น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- เนยสดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกล้วยฉาบ
1. ปอกเปลือกกล้วยแล้วฝานตามความยาว นำไปแช่น้ำปูนใส ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ยางกล้วยออกมา
2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะพอให้ท่วมกล้วย ใส่กล้วยลงไปทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันและพักบนตะแกรง
3.ใส่น้ำกับน้ำตาลทรายลงในกระทะ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวข้น ใส่เนยเค็มลงไป คนให้เข้ากัน ปรับไฟให้อ่อนสุด เทกล้วยทอดกรอบลงไป คลุกจนเข้ากัน ปิดไฟ พักไว้สักครู่ นำใส่ภาชนะ
กล้วยแบรคแตก

ส่วนผสม กล้วยน้ำว้าอบ
1. กล้วยน้ำว้า
2. งาขาว
วิธีทำ
- ปอกเปลือกกล้วย และหั่นกล้วยให้เป็นแนวยาว แบ่งเป็น 4 ส่วน วางกระดาษรองอบในถาด จากนั้นนำกล้วยมาวางเรียงกัน
- โรยงาขาว
- นำเข้าเตาอบโดยใช้ไฟอ่อนที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบเป็นเวลา 70-90 นาที
พัฟกล้วยเชื่อม
ส่วนผสม พัฟกล้วยเชื่อม
• กล้วยน้ำว้าเชื่อม 350 กรัม
• แป้งพัฟเพสตรีสำเร็จรูป 500 กรัม (แป้งพายชั้น)
• ไข่ไก่ตีพอแตก 1 ฟอง
• น้ำตาลไอซิ่ง (สำหรับโรย)
• น้ำเปล่า
• พิมพ์กดรูปวงกลมขอบหยัก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว)
ส่วนผสม กล้วยเชื่อม
• กล้วยน้ำว้าสุกห่าม 15 ลูก
• น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
• น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 100 กรัม
• น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่าผสมเกลือป่น สำหรับแช่กล้วย
วิธีทำกล้วยเชื่อม
1. ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าหั่นเป็นชิ้น ใส่ลงในน้ำเกลือ แช่พักไว้
2. ใส่น้ำเปล่า น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทราย ลงในภาชนะ ตั้งไฟพอเดือด
3. ใส่กล้วยน้ำว้า น้ำมะนาว รอให้เดือดคอยช้อนฟองทิ้งจนหมด เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน 2-3 ชั่วโมงหรือจนกล้วยเป็นสีแดง มีลักษณะมันเงาจากตัวน้ำเชื่อมที่เคลือบกล้วย ยกลงพักไว้ให้เย็นสนิท
วิธีทำพัฟกล้วยเชื่อม
1. หั่นกล้วยน้ำว้าเชื่อม เป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
2. ใช้ไม้คลึงแป้งรีดแป้งพัฟเพสตรี ให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมโดยให้มีความหนาประมาณ 1/4 เซนติเมตร
3. ใช้พิมพ์กดแป้งให้หมด
4. ตักกล้วยน้ำว้าเชื่อมลงตรงกลางแผ่นแป้ง ทาขอบแป้งด้วยน้ำเปล่า จากนั้นประกบแป้งปิดให้สนิท
5. วางเรียงใส่ถาดอบที่ทาเนยขาว แล้วทาไข่ไก่บนหน้าขนมบาง ๆ จนทั่ว นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20-30 นาทีหรือจนสุกเหลือง นำออกจากเตาอบ แซะออกจากถาด พักไว้ ให้คลายความร้อน โรยน้ำตาลไอซิ่ง จัดเสิร์ฟ
กล้วยอบน้ำผึ้งทอด
ส่วนผสม กล้วยอบน้ำผึ้งทอด
• กล้วยอบน้ำผึ้ง (หรือกล้วยตาก ตามชอบ)
• แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
• แป้งมัน 1/4 ถ้วย
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
• หัวกะทิ 3/4 ถ้วย
• น้ำเย็นจัด 1/4 ถ้วย
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำกล้วยอบน้ำผึ้งทอด
1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย หัวกะทิ เกลือ และงาขาว ในน้ำเย็นจัด คนผสมให้ละลายเข้ากัน
2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง รอจนน้ำมันร้อนจัด
3. ใส่กล้วยอบน้ำผึ้งลงไปเคล้าผสมให้เข้ากันและแป้งเคลือบติดกล้วยจนทั่ว แล้วค่อย ๆ หยอดกล้วยลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
การเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์กล้วย
สแน็กกล้วยอร่อยเพื่อสุขภาพ พลิกโฉมกล้วยให้กลายเป็นขนมกินเล่นแบบสแน็ก โดยเลือกใช้กล้วย เปลี่ยนเมนูพื้นๆ จากกล้วยฉาบ กล้วยเชื่อม กล้วยกวน ให้เป็นกล้วยกรอบแก้ว ปรุงรสแตกต่างจากท้องตลาด มี รสเค็ม รสหวาน รสปาปริก้า รสบาร์บีคิว รสต้มยำ และรสสาหร่า