ข้าพเจ้านางสาวสุนิษา แก้วสีแสง ประเภทบัณฑิตจบใหม่ ตำบลกระสัง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

ในเดือนมีนาคม ข้าพเจ้าและสมาชิกได้มีการวางแผนงานเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ โดยข้าพเจ้าได้รับผิดชอบ  หมู่ 1 บ้านกระสัง ข้อมูลที่ได้เบื้องต้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง และค้าขายภายในชุมชน และส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ จึงได้ขอความร่วมมือผู้ใหญ่บ้านในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีในหมู่บ้าน หลังจากที่ลงไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ ทำให้ทราบว่าที่หมู่บ้านมี สบู่สมุนไพร ที่ร่วมกันทำในหมู่บ้าน จึงเป็นที่มาในการหาข้อมูล สบู่ เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดต่อไป

 

ทุกคนเคยสงสัยกันไหมคะ ว่า “สบู่” ที่เราใช้กัน มีที่มาอย่างไร สบู่ก้อนแรกของโลกเกิดขึ้น เมื่อ 2500 ปีที่แล้ว ชาวโรมันที่อยู่ในพิธีสังเกตว่า เมื่อสัตว์ถูกเผาบนแท่นไม้ จะมีไขมันไหลออกมาและเมื่อฝนตกลงมาโดนใส่ไขมันนั้น จะจับตัวแข็ง กลายเป็นก้อนไหลลงไปในลำธาร แม่บ้านที่เอาผ้ามาซักที่ลำธารได้นำเอาก้อนไขมันนี้มาถูลงบนผ้าปรากฎว่าผ้าสะอาดขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาไขมันแพะไปต้มกับขี้เถ้าจากการเผาไหม้กลายเป็นสบู่ในยุคเริ่มแรก

พอจะรู้ที่มาของสบู่ก้อนแรกของโลกแล้วนะคะ แล้วทุกคนอยากรู้ต่อไปไหมคะ ว่าประเทศไทยของเรามีสบู่ใช้กันตั้งแต่ตอนไหน แล้วใครเป็นคนนำเข้ามา เราไปหาคำตอบกันต่อดีกว่าค่ะ

ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2470 คนไทยก็ได้ใช้สบู่ที่เป็นก้อนเป็นครั้งแรก นำเข้ามาโดยชาวญี่ปุ่น ซึ่งรับมาจากฝั่งยุโรปอีกที ซึ่งสบู่ในยุคนั้น ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายทั้ง อาบน้ำ สระผม และล้างจาน

 

แล้วทุกคนสงสัยกันไหมว่า ทำไมจึงเรียกว่าสบู่” ว่า สบู่” เพราะจากรากศัพท์เดิมของภาษาอังกฤษคือคำว่า “Soap” แต่ชาวญี่ปุ่นที่นำสบู่เข้ามาในไทย ออกเสียง “Soap” ว่า “โซปปุ” จนคนไทยพูดเร็วๆจนแปลงมาเป็น “สบู่” มาจนถึงทุกวันนี้

เราได้รู้ประวัติความเป็นมาของสบู่กันแล้ว มารู้วิธีการทำสบู่ก้อนกันบ้างดีกว่า

อุปกรณ์ทำสบู่ ที่ต้องเตรียม มีดังต่อไปนี้

1แม่พิมพ์ทำสบู่ .         2.กลีเซอรีน หรือ เกล็ดสบู่          3.น้ำมันหอมระเหย           4.แอลกอฮล์เช็ดแผล

5.ขวดสเปรย์               6.หม้อสองชั้นทนความร้อนสีใส่สบู่             7.สีใส่สบู่

ขั้นตอนการทำสบู่

1.เริ่มจากการละลายกลีเซอรีนในหม้อสองชั้น เป็นจุดที่สำคัญในวิธีทำสบู่ก้อน ให้ต้มน้ำให้เดือดในหม้อใบแรก ตัดชิ้นส่วนกลีเซอรีนหรือเกล็ดสบู่ใส่ในหม้อเล็กอีกใบ และนำไปละลายโดยที่ให้หม้อใบเล็กลอยอยู่ในน้ำเดือด หรือสามารถใช้ละลายในไมโครเวฟแทนก็ได้เช่นกัน

2.เมื่อสารตั้งต้นละลายแล้วให้เติมน้ำมันหอมระเหยและสีลงไปเพียง 2 – 3 หยด เลือกสีและกลิ่นตามที่ชอบได้เลย เช่น กลิ่นส้ม กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นกุหลาบ ฯลฯ คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ควรผสมตอนที่ยังตั้งอยู่ในน้ำร้อนเพื่อคงความหอมและสีที่ไม่เพี้ยน

3.เมื่อผสมสารตั้งต้นกับกลิ่นและสีที่ต้องการแล้ว ให้เทลงในแม่พิมพ์ทำสบู่ โดยต้องนำขวดสเปรย์ใส่แอลกอฮอล์เช็ดแผล มาฉีดให้ทั่วแม่พิมพ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟองอากาศที่อาจเกิดขึ้นในสบู่

4.การรินสบู่ลงในแม่พิมพ์อย่าเทเร็วมากเกินไป มิเช่นนั้นอาจทำให้รูปร่างสบู่ออกมาไม่สวยได้

5.จากนั้นให้ฉีดแอลกอฮอล์อีกรอบหลังจากเทสบู่ลงไปในแม่พิมพ์แล้ว (ให้เทตอนสบู่เป็นของเหลวอยู่)

6.รอให้สบู่ในแม่พิมพ์เซตตัวประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง จากนั้นให้แกะสบู่ออกมาจากแม่พิมพ์ หากแกะสบู่ไม่ออกให้ตบด้านหลังแม่พิมพ์เบา ๆ เมื่อทำเสร็จแล้วควรเก็บไว้ในที่ที่ลมเข้าไม่ถึง

รู้จักวิธีการทำสบู่ก้อนไปแล้ว ทีนี้เรามาดูวิธีการทำสบู่สมุนไพรกันดีกว่า ซึ่งวิธีทําสบู่สมุนไพร นั้นคล้ายกับวิธีข้างต้นที่นำเสนอ แต่จะมีส่วนผสมที่แตกต่างไปสักเล็กน้อย

อุปกรณ์การทำสบู่สมุนไพรนั้นเหมือนกับวิธีทำสบู่ก้อนทั่วไป แต่เราจะเพิ่มสมุนไพรลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น

 

ใบบัวบก + แตงกวา ช่วยให้ผิวเต่งตึงกระจ่างใส
ขมิ้น + น้ำนมข้าว ให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น น่าสัมผัส
มะขามเปียก + น้ำผึ้ง  กำจัดฝ้า เพื่อหน้าขาวใส
มะเขือเทศ + แตงกวา ช่วยลดสิวเสี้ยนอย่างหมดจด
ว่านหางจระเข้ + น้ำมันมะพร้าว รักษาสิวอักเสบ จุดด่างดำ

 

ข้อมูลเบื้องต้นที่ข้าพเจ้าสืบค้น เพื่อหาข้อมูลไปพัฒนาต่อยอดในการทำสบู่ เพราะในการลงพื้นที่ทำให้ทราบว่า สบู่ที่ชาวบ้านทำนั้นยังไม่มีรูปแบบและส่วนผสมที่ใช้สมุนไพรก็ยังไม่หลากหลาย จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้

ลิงค์สำหรับคำถามจากบทความ https://forms.gle/xFzhuuUVFJmWdRTX6

 

อื่นๆ

เมนู