นายเรืองเดช กิชัยรัมย์
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประเภท ประชาชน
Id-10 หลักสูตรการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยมีส่วนร่วมของชุมชนตำบลกระสัง
อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ในการลงพื้นที่ในเดือนเมษายน พ.ศ.2564 ในพื้นที่บ้านโนนรังเพื่อทำการลงพื้นที่ในการทำ(SWOT Analysis) ได้มีการเชิญสมาชิกของกลุ่มทอผ้าเข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก โดยได้มีในส่วนของผู้นำชุมชนของบ้านโนนรังและกลุ่มทอผ้าบ้านโนนรัง และ บ้านบ้านโพธิ์ไทร
เข้าร่วมในการประชุมหาแนวทางในการพัฒนาในครั้งนี้ ซึ่งผลของการประชุมในครั้งนี้จะได้ผลสรุปดังนี้ในแต่ล่ะด้าน
จุดแข็ง
1.ชาวบ้านมีภูมิปัญญาในการทอผ้า
2.ในชุมชนมีผ้าขิดโบราณ
3.มีกลุ่มอาชีพที่ส่งเสริมในด้านการทอผ้า และการจำหน่ายผ้าอยู่ภายในชุมชน
4.ผลผลิตที่ได้จากกลุ่มทอผ้าเป็นที่ต้องการของตลาดด้วยความแน่นของลาย และความสวยงามของผลิตภัณฑ์
จุดอ่อน
1.ขาดลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
2.มีปัญหาในด้านสุขภาวะด้วยคนในชุมชนที่ทอผ้านั้นมีอายุมากทำให้การทำงานไม่สามารถทำต่อเนื่องได้
3.ยังคงต้องนำเข้าวัตถุดิบอยู่จากายนอก
4.วัตถุดิบมีราคาแพง
5.ยังขาดช่องทางตลาดอื่นเพิ่มเติมอีก
โอกาส
- ชุมชนอยู่ใกล้ตัวเมืองและปัจจัยในการซื้อสินค้ายังคงมีอยู่
- คนในชุมชนมีองค์ความรู้ที่หลากหลาย
- มีการทำเกษตรอินทรีย์ และยังมีการขายสินค้าในตลาดสีเขียวของทางจังหวัด
อุปสรรค
- ผลผลิตไม่เพียงพอต่อการขาย
- ขาดการต่อยอดจากคนรุ่นใหม่
- ขาดวัตถุดิบและยังคงต้องนำเข้าวัตถุดิบอยู่จากภายนอก
- ประชาชนที่ทอผ้ายังคงมีอาชีพอื่นเสริมอยู่เช่น เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
- ยังขาดความรู้เกี่ยวกับช่องทางของตลาดอื่นเพิ่มเติมจากภายนอก
และประเด็นในส่วนของการพัฒนามีอยู่ 3 ประเด็นหลักดังนี้
1.ชาวบ้านต้องการที่จะพัฒนาความรู้ในด้านการทอผ้าเพิ่มเติมจากเดิม
2.ชาวบ้านต้องการที่จะมีลายที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเองเพื่อเพิ่มเอกลักษณ์ของชุมชน
3.ชาวบ้านอยากที่จะศึกษาลายผ้าลายผ้าพระราชทาน”ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” เพื่อจะได้ทดลองทอเพื่อจำหน่าย
และในส่วนปัจจุบันในผ้าที่ผลิตขึ้นเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อแต่ด้วยปัจจัยด้านสุขภาพและภาระอย่างอื่นของชาวบ้านที่ทำการทอผ้าทำให้การทอผ้านั้นทำได้ตามจำนวนที่ไม่มากนักและยังคงมีบ้างส่วนที่ผลิตมาเพื่อนำไปสู่การแปรรูป
ซึ่งผลิตภัณฑ์ในการแปรรูปอย่างหนึ่งคือกระเป๋าซึ่งพื้นที่ที่รับผ้ามาแปรรูปจะอยู่ในพื้นที่บ้านโนนรัง ซึ่งจะมีกลุ่มในการนำผ้าไปแปรรูปซึ่งสินค้าอย่างหนึ่งที่นิยมคือกระเป๋า ซึ่งมีความหลากหลายในรูปแบบและรูปทรงแตกต่างกันไปซึ่งราคาจะเริ่มต้นที่ 500 บาทขึ้นไป
และในการลงพื้นที่ครั้งนี้ทำให้ได้รู้ถึงสภาพปัญหาส่วนอื่นภายในชุมชนในระแหวกนั้นคือปัญหาด้านน้ำ เพราะในพื้นที่บ้านโนนรังไม่มีสระน้ำสาธารณะประโยชน์ที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค น้ำส่วนใหญ่มาจากการเจาะน้ำบาดาลใช้ภายในครัวเรือนแต่ล่ะหลัง โดยมนปัจจุบันได้มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาซึ่งโรงงานก็ใช้น้ำบาดาลเช่นกันซึ่งใช้ในการจัดการภายในบริษัททำให้ชาวบ้านเริ่มได้รับผลกระทบขึ้น ด้วยปัญหากลิ่นน้ำของน้ำและการลดลงของน้ำซึ่งสังเกตุได้