ความรู้ที่ได้จากการจัดอบรมเรื่องดินและปุ๋ย
การจัดอบรมของเชิงปฏิบัติการสร้างต้นแบบเพื่อพัฒนาหรือยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของการเกษตรปลอดภัย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ให้ความรู้ในการจัดอบรมครั้งนี้ได้แก่ อาจารย์สุรพงษ์ ทองเชื้อ ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์ประจำคณะพืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี และอาจารย์วงจันทร์ พูลเพิ่ม อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยมีหัวข้อในการอบรมคือ การผลิตปุ๋ยเพื่อใช้ในการปลูกพืชผักอินทรีย์ จัดขึ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม 2564 ณ วัดทรงศิลาราม หมู่ 7 ตำบลกระสัง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ มีเนื้อหาความรู้ดังต่อไปนี้
การผลิตปุ๋ยเพื่อใช้ในการปลูกพืชผักอินทรีย์
การปลูกผักและไม้ผลอินทรีย์ คือ การปลูกผักและไม้ผลที่มีระบบการผลิต ที่คํานึงถึงสภาพแวดล้อมรักษาสมดุลย์ธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ หลีกเลี่ยงการใช้สารสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ยเคมีหรือ สารกําจัดศัตรูพืชต่างๆ โดยหันกลับมาใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักปุ๋ยพืชสด ไถกลบเศษพืชและปุ๋ยชีวภาพ ในการปรับปรุงบํารุงดินให้มีความอุดมสมบรูณ์เพื่อให้ผักและไม้ผลมีความแข็งแรงเจริญเติบโตได้ดี และให้ผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารพิษและไม่ทําลายสภาพแวดล้อม
ปุ๋ย (Fertilizer) หมายถึง สารอาหารหรือธาตุอาหารที่ใส่ลงไปในดินหรือน้ำ(Hydroponic) แล้วทำให้พืชเจริญเติบโตและผลิตใบ ดอก ผล ลำต้นเพิ่มขึ้น และต้องไม่เป็นอันตรายต่อพืช แบ่งได้ดังนี้
ปุ๋ยอนินทรีย์ (ปุ๋ยเคมี) เช่น ปุ๋ยสูตรต่างๆ ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ได้แก่ 16-20-0, 16-16-8, 15-15-15, 16-16-16, ยูเรีย(46%N) ฯลฯ
ปุ๋ยอินทรีย์ คือ ปุ๋ยที่ได้จากสิ่งมีชีวิต เช่น มูล ปัสสาวะ เศษกิ่งไม้ ใบไม้ ฯลฯ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด
ปุ๋ยชีวภาพ ได้จากการย่อยสลายของพืชหรือสัตว์ผ่านกระบวนการหมัก(น้ำหมักหรือEnzyme) และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เช่น ไรโซเบียม แหนแดง ไตรโคเดอมา
ดิน(Soil) หมายถึง หินที่ย่อยสลาย โดยขบวนการทางธรรมชาติ เช่น ทางกายภาพ ทางเคมี ผสมคลุกเคล้ากับอินทรีย์วัตถุเกิดเป็นดิน น้ำ 25% อากาศ 25% แร่ธาตุ 45% อ.ก.5%
1.ปุ๋ยอินทรีย์
-ปุ๋ยคอก เช่น ไก่ผ่านพันธุ์ สุกรผ่านพันธุ์ วัวคราวผ่านพันธุ์
-ปุ๋ยจากมูลไส้เดือน (กำลังเป็นที่นิยม)
2.ปุ๋ยชีวภาพ
– น้ำหมัก หรือEnzyme พืช สัตว์
-จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ
-จุลินทรีย์ที่สังเคราะห์ขึ้น
-สาหร่ายต่างๆ เช่น แหนแดง
3.ปุ๋ยเคมี
– ปุ๋ยเดี๋ยว ใส่ทางดิน
-น้ำผสม ใส่ทางดิน
-น้ำเกล็ด อยู่ในรูปคีเลท(ผ่านทางใบ)
-น้ำน้ำ อยู่ในรูปคีเลท(ผ่านทางใบ)
องค์ประกอบของดินที่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืช
ดินโดยทั่วไปแบ่งตามเนื้อดิน แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1.ดินหยาบ(ทราย)
2.ดินปานกลาง(ร่วน)
3.ดินละเอียด(เหนียว)
อินทรีย์(Organic) หมายถึง (ร่างกาย)หรือสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ส่วนที่มีขนาดใหญ่ไปจนถึงสิ่งที่มีขนาดเล็ก(จุลินทรีย์) ที่มองด้วยเปล่าไม่เห็น
เกษตรอินทรีย์ หมายถึง การทำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผัก พืชไร่ พืชสวน(ผลไม้) ไม้ดอก ไม้ประดับ การปศุสัตว์ การประมง โดยปราศจากการใช้สารเคมีต่างๆ ในการผลิต เช่น ปุ๋ย ฮอร์โมน สารกำจัดศัตรูพืช
ข้อดี – ข้อเสียของปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี
ตารางเปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสียของปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยอินทรีย์
ข้อดี |
ข้อเสีย |
1. ช่วยปรับปรุงสมบัติทางกายภาพของดิน |
1.มปีริมาณธาตุอาหารพืชน้อย |
2. อยู่ในดินนาน (ค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารให้แก่ พืชอย่างต่อเนื่อง) |
2. ใช้เวลานาน กว่าธาตุอาหารจะเป็นประโยชน์ต่อพืช |
3. ช่วยให้ปุ๋ยเคมีเป็นประโยชน์มากขึ้น |
3. ราคาแพง เมื่อเปรียบเทียบต่อหน่วยธาตุอาหารพืช |
4. ส่งเสริมสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ในดิน |
4. หายาก ถ้าต้องการในปริมาณมากๆ |
5. มีจุลธาตุ |
5. ไม่สะดวกในการนำไปใช้ |
ปุ๋ยเคมี
ข้อดี |
ข้อเสีย |
||
1.มีปริมาณธาตุอาหารพืชสูงมาก(ใช้ในปริมาณน้อยก็เพียงพอ) |
1. ปุ๋ยที่ประกอบด้วยแอมโมเนียมทาให้ดินเป็นกรด |
||
2. ราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบต่อหน่วยธาตุอาหารพืช |
2. ไม่มีคุณสมบัติปรับปรุงดินให้โปร่ง ร่วนซุย |
||
3. หาซื้อได้ง่าย |
3. มีความเค็ม |
||
4. ใช้สะดวก |
4. ผู้ใช้ต้องมีความรู้พอสมควร |
||
5. ได้ผลเร็ว |
|||
จากเนื้อหาที่ใช้ในการจัดการอบรมนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถนำความรู้ที่ไปปรับใช้กับการทำเกษตรได้ และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับพืชสวนไร่นาของผู้เข้าร่วมอบรมได้ เพื่อให้การทำเกษตรปลอดภัยจากสารเคมี และช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และปลอดภัยกับตัวเองและผู้บริโภค และทีมงานจะจัดการอบรมครั้งต่อไปในเรื่องการกำจัดศัตรูพืชและแมลงให้ปลอดภัยจากสารพิษ และยังมีครั้งต่อๆไป และจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมเกษตรปลอดภัยตำบลกระสัง เพื่อยกระดับเกษตรกรให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นและปลอดภัยจากสารพิษ