หลักสูตร ID10 : การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์เพื่อส่งเสริมการเกษตรโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนตำบลกระสัง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ข้าพเจ้านางสาวศุภากร ทรงชัยยศ ประเภทบัณฑิตจบใหม่ ตำบลกระสัง
จากการดำเนินงานในเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมาได้มีการประชุมปรึกษาหารือกับผู้นำชุมชน และกลุ่มเกษตรกรในชุมชน ได้แก่ หมู่ 6 บ้านโพธิ์ หมู่ 7 บ้านดอนหวาย หมู่ 13 บ้านน้อยสุขเจริญ และหมู่ 18 บ้านใหม่พัฒนา โดยได้พูดคุยและร่วมกันวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก (SWOT Analysis) ที่ส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรในชุมชน ทำให้ได้ทราบถึงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และทราบถึงปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการทำการเกษตรของเกษตรกร
คนในชุมชนมีการปลูกพืชผักทางการเกษตรที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น พริกชี้ฟ้า พริกซุปเปอร์ฮอท คะน้า กะเพรา โหระพา ขึ้นฉ่าย กระเฉดน้ำ ผักชี บวบ มะเขือยาว มะเขือเทศ มะเขือเปราะ ข้าวโพด อ้อยหวาน เมล่อน โกโก้ เป็นต้น
ผลจากการทำ SWOT สามารถสรุปเบื้องต้นได้ตามตาราง ดังนี้
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
1. คุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร ผักมีความสดใหม่อยู่เสมอ
2. มีความหลากหลายของผลผลิตทางการเกษตร 3. ไม่ใช้สารเคมีในการปลูกพืชผัก |
1. กำลังการผลิตที่มีไม่เพียงพอ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตลอด
2. พืชผักบางชนิดสามารถปลูกได้ตามฤดูกาลเท่านั้น 3. การตลาดยังไม่แข็งแรงพอ |
โอกาส | อุปสรรค |
1. ชุมชนอยู่ใกล้ตัวเมือง สะดวกต่อการเดินทางไปขายผลผลิตทำให้สามารถลดต้นทุนในการเดินทางได้
2. ชุมชนอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ง่ายต่อการขยายตลาด
|
1. ความต่อเนื่องของการส่งผลผลิตเข้าไปขายในห้างสรรพสินค้า
2. คนในชุมชนไม่มีพื้นที่ทำการเกษตร 3. ประสบปัญหาเกี่ยวกับศัตรูพืชที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้หายขาดได้ เช่น เพลี้ยแป้ง หนอน ด้วงปีกแข็ง |
ในบทความนี้ผู้เขียนขอหยิบยกเอาจุดอ่อนเรื่อง “การตลาด” มาเป็นประเด็นปัญหาหลัก เนื่องจากในปัจจุบันไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเรื่องของการตลาดนั้นจำเป็นในการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้เพราะการตลาดถือเป็นกิจกรรมที่มีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจทุก ๆ ประเภท
ความสำคัญของการตลาด
- การตลาดเป็นเครื่องมือให้เกิดการแลกเปลี่ยนและสร้างความนิยมแก่กิจการ
- การตลาดเป็นตัวเชื่อมระหว่างเจ้าของสินค้าและผู้บริโภค
- การตลาดเป็นตัวนำหรือชี้แนะในการปรับปรุงการผลิตสินค้าและการให้บริการ
ผู้เขียนให้ความสำคัญกับเรื่องของการตลาด เพราะมั่นใจเป็นอย่างมากว่าถ้ามีการตลาดที่ดีก็จะช่วยให้สามารถพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนต่อไปได้แน่นอนค่ะ
ช่องทางการจัดจำหน่ายของเกษตรกรในชุมชน
ในปัจจุบันหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเรียบร้อยแล้ว เกษตรกรในชุมชนจะนำผลผลิตที่ได้ไปจำหน่ายที่ตลาดสด โดยเป็นการนำไปจำหน่ายเอง ไม่ได้มีการขายส่งให้พ่อค้าคนกลางไปขายต่อแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นการปลูกเอง – ขายเอง ซึ่งกลุ่มลูกค้าก็จะเป็นลูกค้าประจำที่ซื้อในทุก ๆ วัน ทำให้ไม่มีการขยายการตลาด ไม่มีช่องทางการจำหน่ายช่องทางอื่นที่อาจเป็นการเพิ่มรายได้ให้ตัวเกษตรกรเอง
นอกเหนือจากการนำผลผลิตไปจำหน่ายที่ตลาดสดหรือที่เรียกกันว่าขายปลีกแล้ว เกษตรกรยังสามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายให้กับพ่อค้า-แม่ค้ารายใหญ่ในตลาดหรือที่เรียกว่าการขายส่งได้อีกด้วย หรือจะเป็นการขยายการตลาดจากที่ขายให้คนนอกชุมชนอย่างเดียวก็มาขายให้คนในชุมชนด้วยกันเอง โดยอาจจะมีการสร้างกลุ่มขึ้นใน Social Media เป็นกลุ่มที่มีไว้สำหรับการซื้อ–ขายของภายในชุมชนเพื่อคนในชุมชน ให้มีเงินหมุนเวียนในชุมชนของตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถสร้างกลุ่มที่เกี่ยวกับคนรักสุขภาพ เพื่อเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพเน้นการบริโภคผักโดยเฉพาะ หรือจะมีการพัฒนาพื้นที่ทำการเกษตรในชุมชนเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับผักปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริของในหลวง ร.9 ก็ได้ ซึ่งก็ถือเป็นการขยายการตลาด และเป็นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์การเกษตรในชุมชนตำบลกระสังไปด้วย ถ้าเกษตรกรหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการตลาดก็จะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มยอดขาย และขยายฐานลูกค้าเพิ่มได้อย่างแน่นอน..
สุดท้ายนี้ผู้เขียนและทีมงานขอขอบพระคุณผู้นำชุมชน และเกษตรกรทั้ง 4 หมู่บ้าน ที่ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเป็นอย่างมาก :))
ลิงก์สำหรับทำแบบทดสอบ