จากการลงพื้นที่ในเดือนมีนาคม ในชุมชนบ้านทุ้งพัฒนา ม.14 ตำบลทุ่งจังหัน อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรีมย์ มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป็นจำนวนมากซึ่งบ้างท่านได้ปลูกไว้ขาย ซึ่งผ้าไหมเป็นสินค้าออกที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศไทย มีผู้นิยมใช้ผ้าไหมทำเครื่องแต่งกาย และของใช้ต่างๆ กันมาก เพราะผ้าไหมมีสีสวยงามสะดุดตา มีเนื้อเป็นมันต่างจากผ้าฝ้าย หรือผ้าชนิดอื่น
เส้นใยซึ่งนำมาใช้ทอผ้าไหมนั้น เป็นเส้นใยที่ได้จากรังของหนอนไหม หนอนไหมเป็นตัวอ่อนของผีเสื้อชนิดหนึ่ง หลังจากผีเสื้อวางไข่ได้ 15 วัน ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวหนอน เรียกว่า “หนอนไหม””รังไหม” ในระยะแรกที่ออกมาจากไข่ หนอนไหมมีขนาดเล็ก หนอนไหมกินใบหม่อนเป็นอาหาร แต่หนอนไหมก็เจริญเติบโตได้เร็วมาก หนอนไหมจึงต้องลอกคราบเป็นระยะไป เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จึงหยุดลอกคราบ หยุดกินอาหาร แล้วเริ่มทำรัง โดยพ่นของเหลวชนิดหนึ่งออกมาทางปาก เมื่อของเหลวนี้ถูกกับอากาศจะแข็งตัว เป็นเส้นไหมพันซ้อนกันเป็นชั้นๆ หุ้มตัวไหมไว้ เรียกว่า ขณะที่อาศัยอยู่ในรังไหม หนอนไหมจะเจริญไปเป็นดักแด้ เมื่อดักแด้โตเต็มที่จะมีลักษณะคล้ายผีเสื้อ แล้วเจาะรังไหมออกมาสู่ภายนอก การเจริญเติบโตของไข่เป็นตัวหนอน ดักแด้ และผีเสื้อตามลำดับนี้เรียกว่า “ชีพจักรของไหม”
เมื่อรังไหมมีอายุได้ประมาณ ๕ วัน ผู้เลี้ยงจะคัดเลือกรังที่ดีไว้ทำพันธุ์ และปล่อยดักแด้ให้เจริญต่อไปใน รังไหมจนเป็นผีเสื้อ ส่วนรังไหมที่เหลือจะนำไปต้มแล้วสาวเป็นเส้นไหมด้วยมือ หรือเครื่องจักร สำหรับใช้ทอผ้าต่อไป

อื่นๆ

เมนู