ผ้าไหมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวอีสาน มีการนุ่งผ้าไหมในชีวิตประจำวัน สาวชาวอีสานต้องเลี้ยงไหม ทอผ้าไหมและเก็บไว้จำนวนหลายร้อยผืน เพื่อใช้ในพิธีการต่างฯ เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานศพ และงานพิธีกรรมตามความเชื่อในแต่ละท้องถิ่น ชาวอีสานมีหลายเผ่าพันธุ์ ทำให้ลักษณะการทอ ลวดลายผ้าไหม และการสวมใส่ผ้าไหมแตกต่างกัน แต่มีเพียงการสาวไหมและเลี้ยงไหมที่ทุกเผ่าพันธุ์ชาวอีสานมีลักษณะเหมือนกัน เป็นภูมิปัญญาที่มีสืบทอดกันมา จากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งของบรรพบุรุษแต่โบราณ และเป็นภูมิปัญญาในท้องถิ่นที่มีความสำคัญยิ่งในปัจจุบัน

วิถีชีวิตของชาวภาคอีสานสมัยก่อน เสร็จจากการทำนาผู้หญิงสวนใหญ่ก็จะทอผ้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กว่าจะได้เส้นไหมสีทองสวยงามในแต่ละเส้นขั้นตอนการ เสี้ยงตัวไหม จะต้องมี ต้นหม่อนไว้เลี้ยงตัวหนอนไหม ข้าพเจ้าได้ลงพื้นที่หมู่ 11 บ้านศรีถาวร ต.ประโคนชัย ได้พบกับนักปราชญ์ชาวบ้าน นามว่าคุณยาย ติ บุญเจริญ ได้มีความเชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงไหม และทอผ้าไหมเป็นอย่างดีข้าพเจ้าได้ทำการสอบถามถึงวิถีการเลี้ยงหนอนไหมเพื่อเป็นวิทยาทานให้ลูกหลานชนรุ่นหลังได้ไม่ความรู้เรื่องการเลี้ยงหนอนไหมสืบไป สำหรับขั้นตอนการเสี้ยงไหมมีดังนี้ ท่านได้นำตัวบี้ หรือผีเสื้อไหมตัวผู้และตัวเมียมาผสมพันธุ์กันหลังจากที่ได้รับการผสมพันธุ์แล้วจะวางไข่ประมาณ 250-500 ฟอง ต่อแม่พันธุ์หนึ่งตัว  1-2 วัน ไข่ไหมจะฟักออกมาเป็นตัวหนอนเล็กๆกินใบหมอนหั่นฝอยละเอียดอยู่ประมาณ 3-4 วัน จากนั้นจะลอกคราบเพื่อให้ลำตัวยาวโตขึ้น หลังจากการลอกคราบแล้วตัวหนอนไหมจะนอนเหยียดตรง นิ่ง ไม่กินอาหารเป็นเวลา1วัน1คืน เรียกว่า “ไหมนอน” เมื่อครบกำหนดจึงกินอาหารต่อเป็นหนอนระยะที่สอง ประมาณ2-3วัน แล้วลอกคราบอีกครั้ง จากนั้นจะนอนต่อ 1 วัน 1 คืน เมื่อตื่นมาก็จะเป็นหนอนระยะที่สามตัวหนอนวัยที่ 3 หนอนวัยนี้จะสามารถกินใบหม่อนทั้งใบไม่ต้องหั่นฝอยระยะนี้ใช้เวลา 3-4 วันหลังจากนั้นจะลอกคราบนอน 1 วัน 1 คืน แล้วจะเข้าสู่ระยะที่สี่ตัวหนอนระยะที่ 4 นี่จะกินอาหารจำนวนมากโตเร็วใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน  แล้วจะลอกคราบครั้งสุดท้ายเพื่อเข้าสู่ระยะที่  5 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายใช้เวลาประมาณ  7-8  วันเป็นระยะที่หนอนไหมกินใบหมอนมากเมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีต่อมไหมเกิดขึ้นภายในตัวไหม ทำให้ตัวหนอนไหมมีสีเหลืองเรียกว่า “ไหมสุก” ตัวไหมสุกจะมีลำตัวสั้นและเล็กลงเล็กน้อย ตัวโตใสและหยุดกินใบหมอนเริ่มชูหัวส่ายหาที่ทำรังตัวหนอนไหมที่สุกเต็มที่จะถูกเก็บรักษาเข้า “จ่อ” เพื่อชักใยทำรังเป็น ”รังไหม” ที่เรานำมาสาวเส้นใย นำไปทอเป็นผ้าไหมนั่นเอง

 

         

 

Tags: , ,

อื่นๆ

เมนู