ปุ๋ยคอก เป็น ปุ๋ยที่เกษตรกรยุคใหม่หันมาให้ความสนใจในเรื่องของเกษตรอินทรีย์กันมากขึ้น เพราะได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและยังประหยัดต้นทุนได้มาก เพราะปุ๋ยคอกนั้นเป็นปุ๋ยจากมูลสุกร เป็ด-ไก่ วัว ควาย แหล่งที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารที่พืชต้องการ และเราสามารถหาได้ในธรรมชาติที่สามารถหาได้ในพื้นที่

ปุ๋ยคอกมีอยู่ 2 แบบ คือปุ๋ยคอกแบบของแข็งและของเหลว ที่เรานำไปใช้แตกต่างกันไป ดังนี้ ปุ๋ยคอกที่เป็นของแข็งนั้น ก็คือมูลสัตว์แบบสดที่สามารถนำไปใช้ในเรือกสวนไร่นาได้เลย แต่ก็ต้องดูค่าดินและพืชในแปลงที่เราจะนำไปใช้นั้นเหมาะสมกับปุ๋ยไหม เพราะพืชบางชนิดเมื่อใส่ปุ๋ยคอกสดแบบนี้อาจจะเกิดอาการเหี่ยวหรือเฉาได้ ดินที่เหมาะกับการเติมปุ๋ยของแข็งโดยตรงจึงเป็นดินทรายในโซนอีสาน เพื่อนำไปเพิ่มโปแทสเซียมในดิน โดยสามารถนำปุ๋ยไปคลุกดินประมาณ 1-3 ตันต่อไร่ในช่วงทำการเตรียมดินเท่านั้น หากจะนำไปโรยเพิ่มในพืชที่ปลูกแล้ว ควรใช้เป็นปุ๋ยแบบตากแห้งมากกว่าครับ

ปุ๋ยคอก

ส่วนพื้นที่บางแปลงอาจจำเป็นต้องนำปุ๋ยคอกสดไปหมักก่อนที่จะนำมาใช้ เพื่อเปลี่ยนสภาพอินทรียวัตถุในมูลสัตว์ให้กลายเป็นสารฮิวมิกก่อน เป็นการลดความร้อนที่อาจทำลายพืชผลได้ วิธีการหมักก็เพียงแค่นำมูลสัตว์ไปตากแดดเพื่อให้แห้ง แล้วแบ่งเป็นกองๆ ทำการกลับพลิกแต่ละกองทุก 3 วัน แล้วนำปุ๋ยคอกสดมาผสมแล้วปล่อยทิ้งไว้ 2 สัปดาห์ แบ่งส่วนหนึ่งเป็นหัวเชื้อ และนำส่วนที่เหลือไปเติมในดิน ก็จะได้หัวเชื้อปุ๋ยคอกหมักไว้ใช้คลุกกับปุ๋ยสดต่อไปครับ

ปุ๋ยคอกมีประโยชน์มากมาย เป็นทั้งแหล่งธาตุอาหารของพืชที่สามารถปลดปล่อยธาตุต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องกว่าปุ๋ยเคมี มีการกระตุ้นให้จุลินทรีย์ในดินทำงานเต็มที่ ช่วยเพิ่มการใช้ประโยชน์ของธาตุฟอสฟอรัสในดิน และยังช่วยปรับปรุงดิน ทำให้ดินโปร่ง ซึมซับน้ำได้ดี ทำให้ดินมีความชื้นมากขึ้น

ข้อดีของปุ๋ยคอก คือ  นอกจากจะให้ธาตุอาหารหลักของพืชแล้ว  ยังช่วยปรับปรุงสภาพดินไปในตัว  ด้วยธาตุอาหารเสริมต่างๆ เช่น แมกนีเซียม  กำมะถัน  แมงกานีส  สังกะสี  ทองแดง  โบร่อน  และโมลินเดน

 

สิ่งหนึ่งที่เกษตรกรควรจะต้องให้ความสนใจคือเรื่องของการเก็บรักษาปุ๋ยคอกเพื่อไม่ให้สูญเสียธาตุอาหารออกไป  ดังนั้นจึงควรเก็บปุ๋ยคอกไว้ในหลุมลึกที่มีความลึกประมาณ 1.5 เมตร และเป็นหลุมดินเหนียวหรือคอนกรีตเพื่อช่วยรักษาธาตุอาหารไม่ให้ระเหยหรือโดนชะล้างไปได้

 

อื่นๆ

เมนู