จากการลงสำรวจพื้นที่ ม. 20 บ้านศรีเมืองใหม่ ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ผ่านมาพบว่าประชากรในชุมชนประกอบอาชีพทำสวนทำไร่ และพืชที่ที่เกษตรกรนิยมปลูกอย่างหนึ่งก็คือข้าวโพด ซึ่งเกษตรกรได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเตรียมดินการปลูกและการให้น้ำไว้ข้าวโพดดังนี้
การเตรียมดินในการปลูกข้าวโพด
ไถและตากดิน 7 ถึง 10 วันแล้วพรวนดิน คราดเพื่อเก็บซาก หัว ของวัชพืชออกจากแปลงให้หมด จากนั้นเก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์หากดินเป็นกรดต่ำ ให้ใช้ปูนขาวหว่านแล้วพรวนกลบจากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 14 วันก่อนปลูกข้าวโพด หากดินมีอินทรีย์วัตถุต่ำให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดีแล้วพรวนดินกลบดังเดิม
วิธีการปลูกข้าวโพด
ซึ่งประชาชนชุมชนนิยมใช้การปลูกแบบเมล็ด โดยไม่ต้องนำไปเพาะก่อน การปลูกข้าวโพดควรหยอดเมล็ด 1-2 เมล็ดต่อหลุม และหยอดลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร เนื่องจากพันธุ์ข้าวโพดที่มีในปัจจุบันยังไม่ต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง ดังนั้นก่อนปลูกทุกครั้งต้องคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารแมคตาแลกซิล เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้าง ข้าวโพดจะใช้ระยะเวลาในการปลูกประมาณ 4 เดือนถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
เมื่อต้นข้าวโพดอายุครบ 7 วันจะได้ดังภาพ
ต้นข้าวโพดครบ 1 เดือนจะได้ดังภาพ
และต้นข้าวโพดครบ 4 เดือนจะได้ดังภาพ
การให้น้ำข้าวโพด
ให้น้ำทันทีหลังใส่ปุ๋ยทุกครั้งจากนั้นให้น้าถูก 7-12 วันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศวิธีการให้น้ำเกษตรกรมีอยู่ 2 แบบคือให้น้ำตามร่องครูและให้น้ำแบบพ่นฝอยซึ่งการให้น้ำแบบพ่นฝอยควรให้แต่ละครั้งประมาณ 35-40 ML ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและชนิดของดินหากพบว่าข้าวโพดเหี่ยวหรือม้วนในช่วงเช้าหรือเย็นแสดงว่าขาดนะก็ให้นับทันทีหลังจากให้น้ำต้องระวังไม่ให้น้ำท่วมขังในแปลงเกิน 24 ชั่วโมงหยุดการให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยวข้าวโพดประมาณ 2-3 วันร้านขาดน้ำในทุกระยะการเจริญเติบโตจะมีผลให้ผลผลิตและคุณภาพของข้าวโพดลดลง
แม้ว่าการปลูกข้าวโพดหวานสามารถทำได้ตลอดปีถ้ามีแหล่งน้ำเพียงพอ อย่างไรก็ตามผลผลิตและคุณภาพข้าวโพดหวานอาจจะแตกต่างตามฤดูกาลนอกจากนี้พันธุ์บางพันธุ์อาจตอบสนองต่อฤดูปลูกที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปในช่วงพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์จะให้ผลผลิตต่ำในกว่าช่วงอื่นๆ ขณะที่การปลูกในช่วงเมษายนถึงพฤษภาคมจะได้ผลผลิตดีกว่าช่วงอื่นๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอขอบพระคุณประชาชนในชุมชนบ้านศรีเมืองใหม่ ที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลและพาเยี่ยมชมไร่สวนในพื้นที่