ข้าพเจ้า นางสาวชฎากรณ์ อุไรรักษ์ ผู้รับจ้างงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดำเนินงาน ตำบลบ้านปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ในโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ) จากที่ข้าพเจ้าและทีมได้เข้าไปสำรวจพื้นที่และเก็บข้อมูลมานั้น ทำให้พบเห็นปัญหาของความแห้งแล้งเป็นหลัก เนื่องด้วยส่วนใหญ่แล้ว อาชีพหลักของคนในชุมชน คือ การทำนา ซึ่งต้องดำรงชีพโดยการพึ่งพาแหล่งน้ำเป็นหลัก

แต่สืบเนื่องจากขณะที่กำลังสำรวจและเก็บข้อมมูลนั้น ได้มีการระบาดระลอก 3 ของโรคโควิด-19 ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่าเดิม ทำให้การสำรวจและเก็บข้อมูลค่อนข้างมีความล่าช้าและค่อนข้างยากในการสำรวจ ซึ่งเราแก้ไขโดยการประชุมผ่านออนไลน์เพื่อพูดคุยและหาแนวทางแก้ปัญหา

และเนื่องจากสถาณการณ์โควิด-19 ที่ได้ระบาดรุนแรงขึ้น ทำให้ตัวข้าพเจ้าได้มีเวลาและโอกาสในการศึกษาเพิ่มเติมและหาความรู้ในเบื้องต้น และทำให้จินตนาการภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นก่อนที่จะเริ่มลงไปทำโครงการ ซึ่งโครงการธนาคารน้ำใต้ดินเป็นโครงการที่จะกักเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงฤดูฝนไว้ใต้ดิน ตั้งแต่ระดับใต้ดินถึงความลึกของหลุมที่ขุด เพราะหากเราไม่จัดเก็บน้ำลงสู่ใต้ดิน แล้วปล่อยให้น้ำฝนไหลทิ้งตามผิวดิน เมื่อน้ำฝนที่ไหลทิ้งเหล่านี้ไปรวมตัวกันเยอะก็จะเป็นสาเหตุของปัญหาน้ำท่วมขังดังเช่นในปัจจุบัน และหลุมนี้ยังเป็นการรักษาความชุ่มชื้นให้ชั้นผิวดิน จากดินที่แห้งแข็งก็จะนุ่มชุ่มชื้น ทำให้ต้นไม้ในบริเวณที่ทำธนาคารน้ำใต้ดิน จะอุดมสมบูรณ์ไม่แห้งแล้ง หากพวกเรานำโครงการธนาคารน้ำใต้ดินนี้มาใช้ ก็จะคืนความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าผืนดิน และรักษาแหล่งน้ำให้ยังคงมีน้ำเพียงพอสำหรับฤดูแล้ง อีกทั้งยังเป็นการลดปัญหาเรื่องไฟป่าไปด้วย

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลที่เราสำรวจและเก็บได้มานั้น ปัญหาหลักของเกษตรผู้ทำนาและเลี้ยงสัตว์ ก็คือการต้องการทรัพยากรน้ำที่มีมากพอในการดำรงชีพและประกอบอาชีพ ซึ่งข้อมูลนี้ทำให้เชื่อมโยงกับจุดประสงค์ในการที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายในโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ซึ่งตัวข้าพเจ้าเห็นว่าสมควรแล้วในการที่จะเริ่มโครงการธนาคารน้ำใต้ดินนี้ อย่างน้อยก็พอจะสามารถแก้ไขปัญหาและบรรเทาเรื่องปัญหาการใช้น้ำลงไปได้ไม่มากก็น้อย

                               

 

อื่นๆ

เมนู