โดย นางสาวคัทลียา เสนาฤทธิ์ MS06
บอนสี เป็นไม้ประดับที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะรูปร่างและสีสันของใบ จนได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งไม้ใบ” มีถิ่นกำเนิดแถบทวีปอเมริกาใต้ และประเทศในเขตร้อน บอนสีเป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดินคล้ายหัวเผือกหัวมัน รากของบอนสีจะมีลักษณะเป็นเส้นฝอย แทงออกระหว่างหัวกับลำต้น
จากการขยายสายพันธุ์ใหม่ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการจัดตั้งสมาคมบอนสีแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริม อนุรักษ์ และพัฒนาการปลูกเลี้ยง รวมถึงการจดทะเบียนชื่อบอนสีที่ได้รับการผสมพันธุ์ขึ้นมาใหม่ จากความสามารถของคนไทย ทำให้การปลูกเลี้ยงและผสมพันธุ์ของบอนสีไม่เป็นที่ยุ่งยาก หรือเกินความสามารถของผู้ที่สนใจรวมถึงเกษตรกรผู้ยึดเป็นอาชีพ
ช่วงแรกเลี้ยงบอนสีให้เจริญเติบโตจนมีหัว คล้ายกับหัวเผือก หัวมัน เมื่อบอนสีมีหัวได้ขนาดเท่าที่ต้องการ ใช้เวลาเลี้ยง ประมาณ 5-6 เดือน จึงนำหัวบอนสีมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาผ่าเป็นชิ้นๆ แล้วชำในกระบะทราย ใช้เวลาในการชำ ประมาณ 1 เดือน
เมื่อบอนสีงอกและแทงใบออกมา นำต้นกล้ามาปลูกใส่กระถาง ขนาด 4 นิ้ว วัสดุที่ใช้ปลูกคือ ใบก้ามปูผสมกับดิน ในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 จากนั้นนำมาวางในตู้อบพลาสติก ขนาด 1.30×3 เมตร ด้านบนของโรงเรือนพรางแสงด้วยซาแรน70 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนครึ่ง ก็สามารถขายเป็นไม้ตลาดได้
โดยบอนสีระยะนี้จะเติบโตมีขนาดสูง ประมาณ 1 คืบ หากไม่ขายในระยะนี้ จะนำไปเปลี่ยนปลูกลงในกระถาง 6 นิ้ว ต่อไป ใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน ก็สามารถขายเป็นไม้ใหญ่ ที่มีทรงต้น ทรงใบที่สวยเต็มที่ ลูกค้าสามารถดูสีของใบได้เมื่อเทียบกับไม้ที่มีขนาดเล็ก
การให้น้ำ จะดูตามสภาพอากาศ ถ้าอากาศร้อนจัดบอนสีจะดูดน้ำมาก ที่ก้นของกระถางควรมีจานรองเพื่อให้น้ำขังอยู่ตลอด โดยดูจากการยุบของน้ำ สำหรับคนที่มีบอนสีปลูกอยู่ที่บ้าน คุณพิเชษฐ แนะนำว่า ควรมีจานรองน้ำให้ขังอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้บอนสีเจริญเติบโตได้ดี
การดูแลบอนสีของคุณพิเชษฐ ทุกกระถางไม่เน้นการใส่ปุ๋ยเคมี จะเน้นการเปลี่ยนดินใบก้ามปูเป็นหลัก แต่สำหรับใครที่หาใบก้ามปูลำบาก อาจจะมีการใส่ปุ๋ยละลายช้า (ออสโมโค้ท) ได้บ้างเพียงเล็กน้อย
การขายบอนสี ตลาดส่วนใหญ่จะมาจากการที่นำบอนสีเข้าประกวด ซึ่งสมัยก่อนติดตามคุณพ่อเป็นประจำ และช่วงที่มาทำเป็นธุรกิจของตนเอง ก็ส่งเข้าประกวดเหมือนกัน จึงมีคนที่เข้าชมการประกวดได้รู้จักคุณพิเชษฐมากขึ้น และเขายังเปิดร้านขายอยู่ที่ตลาดบิ๊กการ์เด้นท์ บางใหญ่ นนทบุรี ทำให้สามารถขายได้ง่ายขึ้น โดยจะขายทั้งราคาปลีกและส่ง
ราคาบอนสี อยู่ที่ราคาตั้งแต่ 35 บาทขึ้นไป จนถึงหลัก 1,000 บาท ต่อกระถาง โดยคุณพิเชษฐให้คำอธิบายว่า บอนสีที่มีราคาสูงๆ เป็นเพราะจำนวนอาจจะมีน้อย บวกกับการเป็นสายพันธุ์ที่หายาก และเป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่ จึงทำให้มีราคาค่อนข้างแพง ส่วนที่ราคาถูกๆ อาจจะเป็นที่นิยมของตลาดนานแล้ว สามารถขยายพันธุ์ได้เยอะ ตลาดส่วนใหญ่จะนิยมที่มีใบสีแดง สีสดสวยงาม เช่น บอนสีใบป้าย บอนสีดารานพรัตน์ และบอนสีของขวัญ
“ไม้ที่ส่งออกนอกนี่ เขาจะมียอดออเดอร์มาให้เรา ว่าต้องการกี่พันหัว หัวขนาดเท่าไหร่ ขนาดกี่เซนติเมตร จะเอาตั้งแต่5 เซนติเมตร หรือ 1 นิ้ว เขาจะระบุขนาดมา เราก็ทำให้เขา ประเทศที่ส่งขายส่วนใหญ่ก็จะเป็น อเมริกา ยุโรป อินโดฯฟิลิปปินส์ ก็ไม่เน้นอะไรมาก แต่ขอให้เป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ” คุณพิเชษฐ เล่าถึงขั้นตอนการปลูกเพื่อส่งออก
เมื่อเอ่ยถามว่า เพราะอะไรที่ทำให้บอนสีของคุณพิเชษฐ ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด และขอให้ช่วยแนะนำสำหรับคนที่สนใจจะมาปลูกบอนสีเพื่อสร้างรายได้
“เพราะเราสามารถ ทำตามจำนวนให้ลูกค้าได้ ลูกค้าสั่งมาปุบ ก็ผลิตให้ได้ บางทีเขาไม่ได้สั่งมา มาเอาที่สวนเลย เราก็มีของให้เขา คือของไม่ขาดตลาด เรามีความซื่อสัตย์ ความจริงใจกับลูกค้า แล้วก็สำหรับคนที่สนใจ คือเราต้องชอบก่อน ใจเราต้องรัก เราจะเลี้ยงบอนสี ใจเราต้องรักบอนสี ต้องเข้าใจมัน แล้วก็ทุกอย่างมันจะตามมาเอง ซึ่งการเลี้ยงการดูแล ถ้าคุณรักเนี่ย มันจะเลี้ยงได้สวยได้งาม ส่วนเรื่องการตลาด หรือรายได้ที่จะได้มา ถ้าใจรักแล้วทำไปเรื่อยๆรายได้พวกนี้มันจะเข้ามาโดยอัติโนมัติ อย่างผมตอนแรกนี่ ไม่ได้คิดจะทำการค้าแบบนี้ แต่เพราะเราชอบ เลยทำให้มีทุกอย่างเข้ามาเอง จนทุกวันนี้” คุณพิเชษฐ กล่าวด้วยรอยยิ้ม ถึงความภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง
การประกอบสัมมาอาชีพในสาขาเกษตรนั้น บางครั้งการทำเพราะคิดว่า น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการของตลาด หรือคิดว่าทำแล้วน่าจะขายได้กำไรดี ซึ่งการคิดในทำนองนี้ อาจทำให้ผลผลิตออกมาได้ไม่ค่อยดี ไม่มีคุณภาพ เพราะไม่ได้ทำด้วยใจรัก แต่หากทำด้วยใจรัก และขณะที่ทำมีความสุข เชื่อได้เลยว่าผลของสิ่งนั้นมันจะออกมาดีมาก