กล้วย สมุนไพรแก้โรคกรดไหลย้อน
การสำรวจพื้นที่ ตำบลบ้านด่าน อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร การทำนา ปลูกอ้อย และเกษตรกรผสมผสาน และส่วนใหญ่มีการปลูกกล้วยเป็นส่วนใหญ่ และกล้วยยังเป็นผลไม้ที่ทำรายได้ และยังเป็นสมุนไพรรักษาอาการเจ็บท้อง(กรดไหลย้อน)ได้อีกซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน ที่ยังรักษาแพทย์แผนโบราณในปัจจุบันการใช้สมุนไพรรักษากรดไหลย้อนอาจยังไม่มีงานวิจัยหรือหลักฐานทางการแพทย์สนับสนุนเพียงพอถึงประสิทธิภาพในการรักษาและความปลอดภัยต่อร่างกายมนุษย์ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนการใช้สมุนไพร เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ หรือทำให้อาการต่าง ๆ แย่ลงได้
ได้สอบถามท่านพระครูวิจักสีลาภิรมณ์ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน ที่ศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณของกล้วยน้ำว้า สามารถรักษาโรคกระเพาะได้ แต่ต้องเป็นกล้วยน้ำว้าดิบ เนื่องจากมีสารที่ชื่อว่า “แทนนิน” มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ปกป้องผนังกระเพาะสำไส้จากเชื้อโรคและของรสเผ็ดจัด บรรพบุรุษคนเก่าก่อน มักนำกล้วยดิบมาฝาน ตากแห้ง หรืออบ แล้วนำมาบดเป็นผงชงกับน้ำดื่ม เพื่อเคลือบกระเพาะ นอกจากนี้ ในกล้วยน้ำว้าห่ามยังสามารถแก้อาการท้องเสีย แต่หากเป็นกล้วยสุกจะช่วยเป็นยาระบายแก้ท้องผูก เนื่องจากมีสารเพกทินอยู่มาก ช่วยเพิ่มกากใยในลำไส้ หากกินกล้วยโดยเคี้ยวหยาบๆ จะทำให้ท้องอืด จุกแน่น แต่ถ้ากินกล้วยงอมจะทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายและสร้างสารต้านมะเร็ง ทั้งนี้ ในกล้วยทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นกล้วยหอม กล้วยไข่ จะมีสารที่ชื่อว่า “เซโรโทนิน” ที่มีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกตามธรรมชาติออกมาเคลือบแผล สามารถลดการระคายเคืองและอาการแสบร้อนท้องได้ กระเพาะแข็งแรงขึ้นโอกาสเป็นแผลก็น้อยลง ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย
กล้วยเป็นอกจากนี้ ยังได้รับความเมตตาจากอาจารย์คอยเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำตลอดจนการพัฒนาสูตรต่างๆ ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งในชีวิต แต่ส่วนหนึ่งที่ได้รับความเมตตาก็น่าจะมาจากการลงมือปรุง และทดลองใช้จริงกับตัวเองและคนรอบตัวด้วยค่ะ อาจารย์เลยเห็นความตั้งใจจริงพอทดลองใช้เองก็เห็นผล รู้สึกว่าหลักการที่เราเรียนมา ไม่ใช่แค่ทฤษฏีหรือในตำราเท่านั้นสามารถนำมาใช้ได้จริงๆ ประกอบกับเพื่อนและคนใกล้ตัวที่มีโอกาสได้ใช้ จนหลายคนบอกว่า ทำขายเลย ของดีอย่างงี้ควรจะทำให้คนอื่นได้ใช้ในวงกว้าง ก็เลยเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ผลไม้ที่เกิดมาเพื่อดูแลท้องไส้โดยเฉพาะ ไม่ว่าท้องเสีย ท้องผูก เป็นโรคกระเพาะ นอกจากนี้ หยวกกล้วยและปลีกล้วยเป็นอาหารที่มีเส้นใย ทำหน้าที่เป็นพนักงานเก็บกวาดขยะของแข็งที่ตกค้างในลำไส้ได้เป็นอย่างดี ในวัฒนธรรมไทยจึงมีตำรับอาหารหลากหลายจากกล้วย ทั้งอาหารหวาน คาว และของว่าง หมอยาไทยใหญ่เชื่อว่าการกินกล้วยน้ำว้าจะทำให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และให้ความฉ่ำเย็นกับที่อยู่อาศัย ดังนั้น ในการสร้างบ้าน หรือการแยกครอบครัวใหม่ จะต้องมีต้นกล้วยเป็นพืชมงคลที่นำไปปลูกไว้เสมอตำรับยาแก้โรคกระเพาะให้นำกล้วยดิบมาฝานเป็นแว่นบางๆ อบให้แห้งที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส หรือตากแดดอ่อนๆ จนกว่าจะแห้ง ห้ามใช้ความร้อนสูงกว่านี้เด็ดขาด เพราะสารที่มีฤทธิ์รักษาโรคกระเพาะในกล้วยจะสูญเสียหรือหมดฤทธิ์ไป จากนั้นนำมาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชา ก่อนอาหารวันละ 3 เวลา หรือจะผสมกับน้ำผึ้งด้วยก็ได้
อ้างอิง หนังสือตำราสมุนไพรไทย
หมอยาท่านพระครูวิจักสีลาภิรมณ์