ปัจจุบันการละเล่นขี่ม้าก้านกล้วยไม่ค่อยได้เห็นกันทั่วไปเท่าไหร่นัก การละเล่นขี่ม้าก้านกล้วยค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา เนื่องจากสภาพทางสังคมและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน ความทันสมัยทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้เข้ามาแทนที่ทำให้เด็ก ๆ ในปัจจุบันสนใจมากกว่าการละเล่นพื้นบ้านในสมัยโบราณ นอกจากนี้เด็ก ๆ ในสมัยนี้อาจไม่เคยได้เห็น หรือรู้จักการละเล่นพื้นบ้านของไทย เช่น ขี่ม้าก้านกล้วยเลย เพื่อไม่ให้การละเล่นขี่ม้าก้านกล้วยหายไปจากการละเล่นของไทย เราควรรักษาและสนับสนุนการละเล่นของไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การละเล่นขี่ม้าก้านกล้วยยังแสดงถึงการรักษาประเพณีพื้นบ้านของไทยไว้อีกด้วย
ในอดีตม้าก้านกล้วยเป็นของเล่นพื้นบ้านที่เด็กๆ ในสมัยก่อนนิยมเล่นกันโดยทั่วไป โดยเด็กจะใช้ก้านกล้วยมาทำเป็นหัว หู หาง และตัว ของม้า แล้วสมมติว่าเป็นคนขี่ม้าพาวิ่ง เสมือนคนขี่ม้า ม้าก้านกล้วยบางทีเรียกว่า ม้ากล้วย ซึ่งผู้ใหญ่ในสมัยนั้นได้คิดทำให้ลูกหลานวิ่งเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน นับเป็นการออกกำลังกายเพื่อทำให้สุขภาพแข็งแรง รวมทั้งการทำเล่นก็ง่ายสะดวก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะต้นกล้วยปลูกกันแทบทุกครัวเรือนและหาได้ง่ายในหมู่บ้าน
การละเล่นขี่ม้าก้านกล้วยเป็นการละเล่นที่มีมาแต่โบราณ เพื่อไม่ให้หายไปจากสังคมและประเพณีไทย ควรมีการรักษาการละเล่นนี้ไว้ เป็นภูมิปัญญาทางการละเล่นพี้นบ้าน ทางคณะกรรมการหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในส่วนของอำเภอ ตำบล และโรงเรียน สามารถนำการละเล่นขี่ม้าก้านกล้วยไปแสดงในงานประเพณีหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น เช่น งานวัด งานวันสงกรานต์ งานวันลอยกระทง เป็นต้น เพื่อให้เด็ก ๆ และคนรุ่นหลังได้สัมผัสถึงการละเล่นพื้นบ้านขี่ม้าก้านกล้วยมากขึ้น ส่งผลให้การละเล่นขี่ม้าก้านกล้วยเป็นที่รู้จัก ยังคงอยู่ และสืบทอดกันเป็นรุ่นต่อ ๆ ไป