ข้าพเจ้านางสาวอนุสรา กองไธสง ประเภทบัณฑิตจบใหม่
หลักสูตร: การพัฒนาสินค้าหัตถกรรม คหกรรมในชุมชนสู่มาตรฐาน NS01
อาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของการดำรงชีวิตของนกยูง นกยูงสามารถกินได้ทั้งพืชและสัตว์ ได้แก่ เมล็ดหญ้า เมล็ดของต้นไม้ ธัญพืช ผลไม้ที่หล่อจากต้น ยอดอ่อนของหญ้า แมลง หนอน ไส้เดือน งู และสัตว์ขนาดเล็ก คุ้ยเขี่ยหากินตามพื้นดินเช่นเดียวกับ ไก่ฟ้าและไก่ป่า นกยูงจะออกหากินอาหารระหว่าง เวลา 04.30 น. ถึง เวลา 18.00 น.
จากการลงพื้นที่เดือนพฤศจิกายน ณ วัดบ้านระหาน (วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน) จัดโครงการการอบรมให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงและดูแลนกยูง ภายใต้โครงการการอบรมเชิงปฏิบัติการการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม เพื่อให้ความรู้และสอนวิธีการทำอาหารจากวัตถุดิบที่หาได้จากธรรมชาติจากชุมชน และมีการเสนอเวลาให้อาหารแก่นกยูง ให้เหมาะสมต่อการท่องเที่ยว จะให้กินเป็นเวลา 2 เวลาเท่านั้น อยู่ระหว่าง เช้า เวลา 10.00 น. และ เย็น 16.00 น. จากเดิมเวลาที่ให้อาหารนกยูง อยู่ระหว่าง เวลา 07.00 น. ถึง 17.00 น. และจะเทอาหารข้นเอาไว้ให้กินตลอดเวลา สูตรอาหารที่นำมาอบรมให้ความรู้จะมีวัตถุดิบที่หาได้จากชุมชนได้แก่ ปลายข้าว เปลือกไข่บด รำข้าว ปลาป่น น้ำมันพืช เกลือ หญ้าเนเปียร์ ใบมันสำปะหลัง ใบกระถิ่น หญ้าขนหรือหญ้าหวาน และหาซื้อได้ที่บุรีรัมย์การเกษตร ได้แก่ กากถั่วเหลือง ข้าวโพดบด ไดแคลเซียมฟอสเฟส กรดอะมิโน DL เมทไธนิน กรดอะมิโนไลซีน พรีมิกซ์
สูตรอาหารนกยูงที่สามารถหาวัตถุดิบได้ตามชุมชนและทำเองได้ มีดังนี้
1.ข้าวโพดบด 50 กก. หรือ ปลายข้าว 25 กก. + ข้าวโพด 25 กก. 50 กก.
2.กากถั่วเหลือง 25 กก.
3.รำละเอียด 15 กก.
4.ปลาป่น 7 กก.
5.น้ำมันพืช 1 กก.
6.ไดแคลเซียมฟอสเฟส (P 21 หรือ P 18 ) หรือ เปลือกหอยบด หรือ เปลือกไข่บด 1 กก.
7.กรดอะมิโน DL-เมทไธนิน 0.20 กก.
8.กรดอะมิโนไลซีน 0.20 กก.
9.เกลือทั่วๆไป 0.20 กก.
10.พรีมิกซ์ (สารผสมล่วงหน้า) 0.40 กก.
11.หญ้าเนเปียร์สับ 5 กก.
12.ใบมันสำปะหลัง 5 กก.
13.ใบกระถิ่น 5 กก.
14.หญ้าขนหรือหญ้าหวายสับ 5 กก.
15.ปลายข้าว 5 กก.
แต่อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมก็สามารถให้อาหารนกยูงได้ แต่ต้องขอความร่วมมือกับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ให้อาหารนกยูงในสถานที่เตรียมไว้ให้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและง่ายต่อการทำความสะอาด และดูแลนกยูง