จากกิจกรรมการติดตามผลโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับข้าวแต๋นให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน (มผช) พบว่าการทำขนมให้มีความหลากสี ทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าแบบเดิม จึงได้นำสีธรรมชาติมาปรับใช้ให้ได้สีขนมที่แปลกใหม่ตรงตามความต้องการของลูกค้าทุกเพศทุกวัยมากขึ้น
ปัจจุบันมีการใช้สารเคมีในอาหารอย่างแพร่หลาย ขนมหวานส่วนใหญ่มักจะมีสีสันหลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก สีที่ใช้มักจะเป็นสีที่ได้จากการสังเคราะห์เพราะมีราคาถูกกว่าสีธรรมชาติ ให้สีสดและสมํ่าเสมอและให้สีในช่วงที่กว้างกว่าสีธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีขายทั้งในรูปแม่สี และสีผสมในรูปผง สารละลาย และสารละลายแขวนลอย ซึ่งสะดวกต่อการเลือกใช้กับอาหารชนิดต่างๆ ดังนั้น ผู้ใช้จึงนิยมใช้สีสังเคราะห์มากกว่าสีธรรมชาติ ถึงแม้ว่าสีธรรมชาติจะปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากกว่า นอกจากสีสังเคราะห์แล้วยังมีทางเลือกอื่นที่จะทำให้ขนมหวานมีความน่าสนใจนอกจากจะดึงดูดเด็กๆแล้วยังดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพได้ คือ ขนมที่ทำจากสีธรรมชาติ
ภายในชุมชนตำบลบ้านด่านได้มีกลุ่มทำขนมข้าวแต๋นที่อยากพัฒนาขนมให้มีความหลากหลาย น่าสนใจและปลอดภัย จึงได้นำสีธรรมชาติจากพืชผักผลไม้มาผสมผสานในขนมข้าวแต๋น สีที่นำมาทำนั้นมีอยู่ 4 สี นั้นคือ สีแดงได้จากดอกกระเจี๊ยบ สีเหลืองได้จากขมิ้น สีน้ำเงินอมม่วงได้จากดอกอัญชันและสีส้มได้จากมะตูม ทั้ง 4 สีนี้เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ในชุมชน ลดต้นทุนในการผลิต ซึ่งสีธรรมชาติมีการใช้ในอดีตนั้นมักจะได้มาจาก พืช สัตว์ และแร่ธาตุต่างๆ โดยมีพัฒนาการสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การใช้สีในการประกอบอาหาร ขนม การย้อมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น สีจากธรรมชาติเราได้จะได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ได้รับกากใย ได้รับความสมดุลจากการกินอาหารหลากหลาย หลากสี นอกจากจะปลอดภัยแล้วยังได้ประโยชน์อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า สีจากธรรมชาตินั้นไม่ว่าจะจากผักหรือผลไม้มีหลากหลายให้เลือกใช้ นอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังปลอดภัยต่อสุขภาพ สามารถรบประทานได้ทุกเพศทุกวัย นอกจากดอกกระเจี๊ยบ ขมิ้น อัญชัน มะตูมแล้ว ยังมีพืชหลายชนิดที่สามารถใช้เป็นสีผสมขนมได้อาทิ เช่น แครอท เป็นต้น เพื่อให้ข้าวแต๋นมีความหลากหลายน่าสนใจกว่าเดิมอาจมีการเพิ่มสีใหม่ โดยอาจมีการผสมสีธรรมชาติให้ได้สีใหม่ขึ้นมา และยังสามารถนำไปผสมกับขนมชนิดอื่นเพื่อพัฒนาเป็นผลิคภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้