Vaccine! “mRNA”
รฐา ศักดิ์ศิริ
เดือนนี้จะมาพูดถึงวัคซีนชนิด mRNA กันค่ะ …
วัคซีนชนิด mRNA เป็นการสังเคราะห์สารพันธุกรรมเลียนแบบเชื้อไวรัสขึ้นมา ดังนั้นในวัคซีนจึงไม่ได้มีอนุภาคของเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียที่ตายแล้วอยู่ภายในเลย เมื่อ mRNA ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างโปรตีนส่วนหนาม (Spike protein) เหมือนกับโคโรนาไวรัส ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดการติดเชื้อจนเป็นโควิด 19 เมื่อร่างกายเห็นโปรตีนส่วนหนามของไวรัสแล้ว จึงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันไว้สำหรับป้องกันไวรัสจริงๆ ที่จะเข้ามาได้
ดังนั้นวัคซีนชนิด mRNA ที่ WHO รับรอง ได้แก่ Pfizer ,Moderna เป็นต้น
วัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer) มีชื่อทางการว่า BNT162b2 เป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ชนิด mRNA ที่คิดค้นโดยบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ร่วมกับบริษัทสัญชาติเยอรมันชื่อไอโบเอ็นเท็ค (BioNTech) วัคซีนไฟเซอร์ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (Food and Drug Administration: FDA) เพื่อป้องกันโรคโควิด 19 สำหรับผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไป
หลังจากฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 แล้ว จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด 19 สูงถึง 91.3% ในช่วง 7 วันถึง 6 เดือนหลังฉีด
นอกจากนี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) กำหนดให้วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพสูงถึง 100% ในการป้องกันความรุนแรงของโรคที่เกิดจากโควิด 19
ในขณะที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (Food and Drug Administration: FDA) กำหนดให้ประสิทธิภาพในการป้องกันอาการรุนแรงที่เกิดจากโรคโควิด 19 ไว้ที่ 95.3%
แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันว่า หลังจากรับวัคซีนไฟเซอร์แล้วจะมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่นได้มากน้อยเพียงใด เพราะภายใน 10 วันหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรก อาจยังสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ เนื่องจากร่างกายยังไม่สามารถสร้างแอนติบอดี้ (Antibodies) ได้เต็มที่
ดังนั้นจึงควรปฎิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขต่อไป เช่น สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกไปที่สาธารณะ เว้นระยะห่างจากบุคคลอื่น ล้างมือหลังหยิบจับสิ่งของ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนเยอะ หากจำเป็นต้องเข้าสถานที่ที่มีผู้อื่น ควรเปิดหน้าต่างระบายอากาศเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของวัคซีนวัดจากการทดลองทางคลินิก ซึ่งอาจมีการควบคุมกลุ่มทดลอง แต่ในการนำมาใช้กับประชากรจริง ประสิทธิภาพมีโอกาสที่จะต่ำกว่าผลที่สรุปในการทดลองเนื่องจากหลายปัจจัย เช่น การกลายพันธุ์ของไวรัสใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้ในการทดลอง
วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) เป็นวัคซีนที่คิดค้นโดยบริษัทผู้ผลิตยาสัญชาติอเมริกัน ชื่อบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) และถือเป็นวัคซีนตัวที่ 2 ที่รับอนุมัติตามมาตรการฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (Food and drug administration: FDA) ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 ซึ่งวัคซีนชนิดแรกที่ได้รับการอนุมัติคือวัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer) วัคซีน Moderna จะมีส่วนช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีนที่เฉพาะเจาะจงกับไวรัสขึ้นมา และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ (Antibodies) แอนติบอดี้นี้จะรับรู้ได้เมื่อมีไวรัสเข้าสู่ร่างกาย จึงทำลายไวรัสได้ในที่สุด
วัคซีน Moderna อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด 19 อยู่ที่ประมาณ 92% โดยมีรายละเอียดแยกย่อย ดังนี้
- หลังจากฉีดเข็มแรกไปแล้ว 14 วัน จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันประมาณ 50.8%
- หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ประมาณ 92.1%
อย่างไรก็ตาม แม้วัคซีน Moderna จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาอยู่ได้หลายเดือน แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าภูมิคุ้มกันนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน หรือผู้ที่รับเชื้อสามารถแพร่กระจายต่อได้หรือไม่
รวมถึงประสิทธิภาพที่ได้จากกลุ่มทดลอง อาจมีความแตกต่างกับการฉีดให้กับประชากรจริงที่อยู่เหนือขอบเขตการทดลองเนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความหลากหลายของเชื้อไวรัส
ดังนั้นแม้จะรับวัคซีน Moderna ไปแล้ว ก็ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่จำกัดกันหลายคน ควรหาช่องทางระบายอากาศเพื่อลดโอกาสเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ
วิดีโอการทำงานทีมตำบลเมืองโพธิ์