“ผ่านไปด้วยกัน”
ในบทความของข้าพเจ้าในเดือนนี้จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ซึ่งการแพร่ระบาดของระรอกนี้มีความทวีคูณมากขึ้นมีการแพร่อย่างรวดเร็วและมีอัตราการตายมากขึ้นทุกวัน ส่วนสาเหตุของการแพร่ระบาดครั้งนี้เกิดจากครอบครัวเป็นส่วนมาก
สาเหตุที่ว่าคนในครอบครัวมีการใกล้ชิดกันและในบางครอบครัวมีสมาชิกหรือลูกหลานที่จะต้องออกไปทำงานประจำ หรือต้องไปทำงานต่างจังหวัดจึงเป็นการนำเชื้อมาแพร่ในครอบครัวของตน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบุคคลเหล่านี้ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่ติดจนกระทั่งเริ่มมีอาการถึงได้ไปตรวจแล้วพบเชื้อ กว่าจะทราบผลก็ส่งผลให้คนใกล้ชิดหรือคนที่อยู่ใกล้ติดเชื้อตามไปด้วย ทั้งนี้มีทั้งเด็กและคนชราจึงทำให้เกิดการติดได้ง่าย และยากต่อการควบคุมของโรค จึงทำให้ผู้นำชุมชม และ อสม.ช่วยกันเฝ้าระวังและติดตามการเข้าออกของคนในชุมชนทั้งคนนอกและคนในอย่างเข้มงวดให้มากขึ้น จึงทำให้การลงพื้นที่หรือแม้แต่จะจัดกิจกรรมต่างๆ นั้นทำได้ยากมาก โรคโควิด19 ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นทุกวันและมีการระบาดนอกพื้นที่หรือต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นร่วมถึงจังหวัดบุรีรัมย์ของเราด้วย โดยผู้นำจังหวัดภาครัฐหรือแม้แต่ภาคเอกชนได้มีการเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างมากมายเลยทีเดียว โดยทางจังหวัดได้จัดโครงการ”ลูกหลานเซราะกราวต้องได้กลับบ้านเรา”โดยถ้าคนชาวบุรีรัมย์ที่ติดเชื้อโควิด19มีความประสงค์ที่จะกลับมารักษาตัวที่บ้าน ทางจังหวัดบุรีรัมย์ก็จะมีรถรับส่งฟรี มีข้าวกิน มีหมอให้ มีกักตัวครบ จบด้วยวัคซีน ซึ่งเป็นโครงการที่ดีสำหรับคนชาวบุรีรัมย์เป็นอย่างมาก
ต้องขอขอบคุณผู้นำจังหวัดบุรีรัมย์และผู้ที่มีส่วนร่วมทุกท่านที่ให้ความสำคัญต่อชาวบุรีรัมย์ทุกคนในการช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นอย่างมาก และขอบคุณชาวบ้านทุกๆครัวเรือนที่ตระหนักและให้ความสำคัญ ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพ ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก และขอเชิญชวนทุกท่านไปฉีดวัคซีน นอกจากจะสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเราแล้ว ยังเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมอีกด้วย
