ดิฉัน นางสาวพัชรี วิชัย ประเภทบัณฑิตจบใหม่ ผู้ปฏิบัติงานตามโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ)
หลักสูตร: SC05 การพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้การทำน้ำพริกพื้นบ้าน เพื่อยกระดับสินค้า OTOP เพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ด้วยเทคโนโลยี ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์
การปฏิบัติงานในเดือนสิงหาคม ดิฉันและทีมผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน รวมทั้งอาจารย์ประจำหลักสูตร ได้จัดกิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้การทำน้ำพริกลดโซเดียม เป็นการพัฒนาน้ำพริกพื้นบ้านของบ้านหนองแม่มด ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นน้ำพริกสูตรใหม่ สูตรลดโซเดียมเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมลดลงแต่ยังคงความอร่อย ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว มีการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของชุมชน การทำงานร่วมกับชุมชนในการพัฒนาน้ำพริกทั้งด้านคุณภาพ ช่องทางจำหน่าย และการส่งเสริมการตลาด เพื่อยกระดับน้ำพริกลดโซเดียมให้เป็นสินค้า OTOP และเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ด้วยเทคโนโลยีให้กับชาวบ้านประจำตำบลร่อนทอง
ขั้นตอนการทำน้ำพริก(สูตรลดโซเดียม)
วัตถุดิบ
ปลาทู 0.5 กิโลกรัม
ปลาซาบะ 5 กิโลกรัม
หอมแดง 4 กิโลกรัม
กระเทียม 2.5 กิโลกรัม
พริกแห้ง 0.5 กิโลกรัม
น้ำมันพืช 1 ลิตร
น้ำปลา (ทิพรส) 350 มิลลิกรัม
ผงชูรส 250 กรัม
เกลือ (ลดโซเดียม) 165 กรัม
การเตรียมส่วนผสม
- หั่นหอมแดงและกระเทียม เป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปเจียวให้กรอบ
- นำพริกแห้งมาทอดพอกรอบ จากนั้นนำมาโขรกให้ละเอียด
- นำปลาทูและปลาซาบะมาย่างให้หอม แกะเอาแค่เนื้อปลา แล้วนำมายีเพื่อเอาก้างปลาออกให้หมด และเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปโขลกให้เข้ากัน
วิธีการทำน้ำพริก
- นำหอมแดง กระเทียม พริกแห้ง และเนื้อปลาทู ที่เตรียมไว้มาโขรกให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วยน้ำปลาทิพรส น้ำตาล ผงชูรส และเกลือลดโซเดียม แล้วโขรกให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อนๆ นำน้ำพริกที่ปรุงรสแล้วไปผัดให้แห้ง
- เนื่องจากเนื่องจากน้ำพริกโดนความร้อนแล้วจะจับกันเป็นก้อน ดังนั้นเราจึงจะนำน้ำพริกมายีให้ละเอียด แล้วรอให้เย็น
- จะได้น้ำพริกลดโซเดียม 6.3 กิโลกรัม จากนั้นนำไปบรรจุภัณฑ์
หลังจากนั้น ได้มีการคำนวณต้นทุนของน้ำพริกในสูตรเดิมและสูตรใหม่(สูตรลดโซเดียม) พบว่าน้ำพริกทั้ง2สูตร ได้ปริมาณน้ำพริก 6.3 กิโลกรัมเท่ากัน เมื่อนำมาบรรจุถุง ถุงละ 100 กรัม จะได้ 63 ถุงเท่ากัน สำหรับน้ำพริกสูตรเดิมจะมีต้นทุนอยู่ที่ 1,491 บาท คิดเป็นต้นทุนต่อถุงจะได้ 23.66 บาทต่อถุง และน้ำพริกสูตรลดโซเดียมจะมีต้นทุนอยู่ที่ 1,497.75 บาท คิดเป็นต้นทุนต่อถุงจะได้ 23.77 บาทต่อถุง จะเห็นได้ว่า ราคาต้นทุนน้ำพริกทั้ง2สูตรต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่รสชาติยังคงความอร่อยเหมือนเดิม น้ำพริกลดโซเดียม จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากทานอาหารสุขภาพ และยังได้รสชาติที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย