ข้าพเจ้า นางสาวสุนิษา แก้วสีแสง ประเภทบัณฑิต ตำบลกระสัง
หลักสูตร ID 10 : การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยมีส่วนร่วมของชุมชุน ตำบลกระสัง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ในเดือนกรกฎาคม ข้าพเจ้าและทีมงานได้มีการจัดอบรมกิจกรรมภายใต้หัวข้อ“การอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างกลไกและดำเนินการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์(กลุ่มสบู่สมุนไพร)” โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาประจำกลุ่ม อาจารย์ ดร.ธวัชระพงษ์ วงศ์สกุล และวิทยากร นางสาวภัทรานิษฐ์ กุลพิเชษฐ์วณิช เข้าร่วมกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2564 ณ ศาลากลางหมู่บ้าน หมู่ 1 บ้านกระสัง ตำบลกระสัง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ชาวบ้านในชุมชนให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรม
ในการอบรมครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ชาวบ้านเคยทำมาก่อนแล้ว เป็นการเสริมทักษะให้มีการพัฒนาสบู่ได้ดีขึ้น และสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หาไม่ได้จากในยูทูป เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ของวิทยากร เพื่อให้ชาวบ้านได้ประโยชน์สูงสุดจากการอบรมในครั้งนี้
ในกิจกรรมอบรมครั้งนี้มีหัวข้อหลักในการอบรมทั้งหมด 3 หัวข้อดังนี้
1.อุปกรณ์
2.ส่วนผสม
3.ขั้นตอนการทำ
ซึ่งในการอบรมครั้งนี้ได้ให้ชาวบ้านลงมือปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1.อุปกรณ์ที่ใช้
ในการทำสบู่ มีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
-หมวกคลุมผม
-ถุงมือยาง
-ผ้ากันเปื้อน
-หน้ากากอนามัย
-หม้อกันความร้อน
-เตาไฟฟ้า
-ไม้พาย
-แม่พิมพ์สบู่
–เหยือกสำหรับเทสบู่
-ฟิล์มใส
2.ส่วนผสม
ส่วนผสมที่ใช้มีดังนี้
-เบสกลีเซอรีน
-สารสกัดสมุนไพร ( ขมิ้น,มะขาม)
-น้ำหอม
-สีผสมอาหาร
–แอลกอฮอล์ 95%
เกร็ดความรู้
เบสกลีเซอรีน กลีเซอรีน (Glycerin) หรือ กลีเซอรอล (Glycerol) เป็นของเหลวที่ไม่มีสี มีความหนืด และมีรสหวาน รีน มีคุณสมบัติทางเคมีที่หลากหลาย จึงสามารถนำไปใช้เป็นสารตั้นต้นในการสังเคราะห์สารเคมีอื่น ๆ ได้ กลีเซอรีนบริสุทธิ์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายรูปแบบ เช่น ใช้เป็นส่วนผสมหรือ เป็นตัวช่วยในกระบวนการผลิตเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำและสุขอนามัยส่วนบุคคล อาหาร ยาสีฟัน ยาสระผม และนิยมใช้มากในอุตสาหกรรมสบู่ เพราะกลีเซอรีนเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นเหมือน มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อปกป้องผิวไม่ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิว ขจัดความสกปรกที่ฝังแน่น ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน รวมทั้งปลอดภัยต่อผิวหนัง (ที่มา:https://xn--22ce0dhf8bc8b8fxa3j.com/ )
3.ขั้นตอนการทำ
ในการทำสบู่ครั้งนี้ มีการทำสบู่ ทั้งหมดสองแบบ แบบขุ่นและแบบใส โดยสบู่แบบขุ่น ส่วนผสมสมุนไพร คือ มะขาม และสบู่แบบใส คือ ขมิ้น
เกร็ดความรู้
-สบู่ก้อนขุ่น
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่รู้จัก และใช้กันมานานจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาวขุ่นหรือมีสีต่างๆ ตามสีของสารเติมแต่ง เช่น สีเขียว สีชมพู สีม่วง เป็นต้น สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ผลิตได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ที่ให้คุณสมบัติเป็นก้อนแข็ง ขาวขุ่น ให้ฟองมาก
-สบู่ก้อนใส
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีลักษณะก้อนใสหรือค่อนข้างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรีนที่ผสม ก้อนสบู่จะมีลักษณะอ่อนกว่าสบู่ก้อนขุ่น และสามารถทำให้เกิดสีใสต่างๆตามสารให้สีที่เติมผสม สบู่ชนิดนี้จะให้ฟองค่อนข้างน้อยกว่าสบู่ก้อนขุ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของกลีเซอรีนเป็นส่วนใหญ่ สารตั้งต้นที่ใช้อาจเป็นกลีเซอรีนเหลวหรือกลีเซอรีนก้อน (กลีเซอรีนเหลว+เอทิลแอลกอฮอล์) ร่วมด้วยกับสารเติมแต่งชนิดต่างๆ
(ที่มา https://www.siamchemi.com)
ซึ่งมีขั้นตอนการทำดังนี้
-สวมหมวกคลุมผม ถุงมือ และผ้ากันเปื้อน
-หั่นเบสกลีเซอรีน 1 กิโลกรัมไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป
-ต้มน้ำในหม้อให้ร้อน
-ละลายเบสกลีเซอรีนในภาชนะที่เตรียมไว้ ในหม้ออีกใบที่เตรียมไว้
***ข้อควรระวัง ในระหว่างละลายกลีเซอรีนไม่ควรคน เพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศ
-ระหว่างที่รอเบสกลีเซอรีนละลาย ละลายสมุนไพรที่เตรียมไว้คือ ขมิ้นและมะขาม (ขมิ้นและมะขาม 15 มล./50 มล.)
-หลังจากเบสกลีเซอรีนละลายแล้ว ผสมสมุนไพร น้ำหอม และสีผสมอาหารลงไป
-เทเบสกลีเซอรีนละลายแล้วลงในแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้
***ข้อควรปฏิบัติ
1.ควรฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ 95% เพื่อไม่ให้เกิดฟองอาการ
2.การฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ 95% เพื่อฆ่าเชื้อโรค
3.เพื่อไล่กลิ่นที่อาจตกค้างในแม่พิมพ์สบู่
-หลังจากเทเบสกลีเซอรีนแล้ว รอจนสบู่เซ็ทตัว
***ข้อควรระวัง
1.หลังจากที่เทลงแม่พิมพ์แล้วไม่ควรเคลื่อนย้ายแม่พิมพ์ เพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศได้
2.ไม่ควรให้โดนลม หรือพัดลม เพราะจะทำให้สบู่เกิดฝ้าได้
-เมื่อสบู่เซตตัวดีแล้ว แกะออกจากแม่พิมพ์
***ข้อควรระวัง ระหว่างที่แกะสบู่ควรค่อยๆแกะให้มีอากาศเข้าไป และใช้นิ้วมือช่วยดันออกจากแม่พิมพ์
-เมื่อแกะสบู่แล้ว ควรห่อด้วยฟิล์มใสทันที
***ข้อควรปฏิบัติ ควรห่อด้วยฟิล์มใส 16 ไมครอน เพื่อให้สบู่มีความเงางาม
หลังจากที่ได้ทราบขั้นตอนและลงมือปฏิบัติแล้วได้สบู่ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนมีความรู้และนำไปพัฒนาการทำสบู่ที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคต