ข้าพเจ้านายวิฑูรย์  หินแก้ว ลงพื้นที่บ้านบัว หมู่ 16 อย่างต่อเนื่องและระมัดระวังตัว เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องการติดเชื้อโควิต 19  ซึ่งยังไม่รู้วันไหนจะยุติหรือสิ้นสุดกันเสียที

ข้าพเจ้าได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามการทำเกษ๖รไร่นาสวนผสมของนายรุ่งโรจน์ และนางโสภี  แก้วหาญที่มีพื้นที่เพียง 5 ไร่ ได้แบ่งพื้นที่เป็นสองส่วน ๆ หนึ่งลงข้าวเหนียวที่เอาพันธุ์มาจากจังหวัดยโสธรซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายรุ่งโรจน์ผู้เป็นสามี  นอกจากนั้นก็ลงทั้งพืชและไม้ยืนต้น ก็มีไม้พยุง, ยางนา,ไม้แดง และไม้สักเป็นต้น  จากนั้นก็มีไม้ไผ่, กล้วย, ฝรั่ง, กะทกรก  และแบ่งส่วนหนึ่ง ขุดบ่อเลี้ยงปลา ซึ่งก็มี ปลาสวาย, ดุก,นิล,แรด และอื่นๆประมาณ 1500 ตัว  นางโสภียังบอกข้าพเจ้าอีกว่า ตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องดิน คือ ดินเปรี้ยว ,ศัตรูพืชเยอะ เพราะที่สวนผสมนี้ ไม่ได้ใช้ยาปราบศัตรูพืช  และสารเคมี จึงทำให้ศัตรูพืชทั้งหลายได้แพร่พันธุ์ในนี้อย่างอิสระ  และบ่อเลี้ยงปลายังเป็นไปแบบยถากรรมอยู่ เพราะ ทุนทรัพย์มีไม่มาก  และบ่อเลี้ยงปลาก็ยังเป็นบ่อปิด  น้ำไม่ถ่ายเท จึงเป็นปัญหาน้ำไม่สมบูรณ์

นายรุ่งโรจน์ ยังได้ให้ความรู้อีกว่า การทำการเกษตรผสมผสาน เป็นการนำเอาส่วนผสมของการทำอาชีพเกษตรมารวมกันอย่างน้อยสองประเภทขึ้นไป อยู่ภายในพื้นที่เดียวกัน และช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งถ้าแยกความหมายของการเกษตรผสมผสานก่อน  ก็จะให้ข้อมูลได้ว่า  เป็นการทำการเกษตรในรูปแบบต่างๆบนพื้นที่หนึ่งซึ่งมากกว่าสองประเภทงาน  ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชคนละชนิด เลี้ยงสัตว์คนละประเภท อีกทั้งเป็นการเกื้อกูลกันและกัน  อีกยังสร้างประโยชน์ให้เกษตรกรมากที่สุด  ทั้งนี้ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานห่วงโซ่ที่มีความสัมพันธ์ด้วยกัน จะได้ประหยัดต้นทุน ค่าใช้จ่าย รวมถึงไม่ยุ่งยากในการดูแล  เช่น การปลูกข้าวและขุดบ่อปลาไว้ข้างๆ, บนบ่อปลาก็เลี้ยงไก่ เป็นต้น  นี้ก็เป็นการทำการเกษตรแบบผสมผสาน

ในขณะที่ไร่นาสวนผสมเอง ก็จะเน้นการปลูกพืช  ก็ไม่จำเป็นต้องปลูกพืชในช่วงเวลาเดียวกันเสมอไป  ช่วงเวลาปลูกข้าวก็ปลูกตามปกติ  แต่เมื่อหมดเวลาข้าวก็เปลี่ยนผืนนาเป็นไร่ถั่วลิสง, ไร่อ้อย,ไร่มันสำปะหลัง  ฯลฯ  เพื่อเป็นการไม่ปล่อยให้พื้นที่ว่างเปล่า และขาดประโยชน์  ในการทำไร่นาสวนผสมจะเน้นเรื่องความคุ้มค่าราคาของพืชผลเป็นหลักสำคัญ  เช่น  ราคามันสำปะหลัง,ราคาถั่วลิสง ที่สร้างรายได้มากกว่ากัน  เมื่อเทียบการลงทุนในปริมาณเท่าๆกัน  เป็นต้น

นี้คือความหมายของการเกษตรผสมผสานและไร่นาสวนผสม  ซึ่งจริงๆแล้ว  ถ้ามองภาพให้กว้างขึ้นกว่านี้อีกจะพบว่า มันมีความหมายคล้ายคลึงกันพอสมควรทีเดียว  แก่นแท้ก็คือ การพยายามทำให้เกิดความคุ้มค่าบนพื้นที่การเกษตรของตนเองมากที่สุด  ขณะเดียวกัน ก็ต้องสร้างประโยชน์ในเชิงบวกด้วย  ไม่ใช่แค่การมีพื้นที่แล้วทำตามความชอบ  แต่ต้องอาศัยหลักการห่วงโซ่และความต้องการของตลาดเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการพิจารณาว่าจะทำอย่างไรดีบ้าง

การใช้พื้นที่ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด  ก็คือ การเปลี่ยนพื้นที่เดิมๆให้เป็นเกษตรผสมผสานและไร่นาสวนผสม  เพราะจะช่วยให้ทุกพื้นที่ถูกใช้งานอย่างเหมาะสม  คุ้มค่า  ไม่ปล่อยแม้แต่จุดเล็กๆ ให้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไร้ประโยชน์

ทำรายได้ให้เกษตรกรมากขึ้น  แม้จะอยู่บนพื้นที่เดียวกัน  ย่อมสร้างรายได้ให้กับเกาตรกรมากกว่าเดิมแบบไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น  เช่นจากเดิมชาวนามีแค่การทำนา  เมื่อหมดหน้านาก็ว่าง  ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ก็สร้างรายได้จากการขายพืชไร่ชนิดอื่นแทน  หรือจากเดิมเป็นแค่สวนผักเล็กๆ แต่มีการขุดบ่อเลี้ยงปลาเพิ่ม  น้ำในบ่อปลาก็นำไปใช้รดผักทุกวัน  แบบนี้ก็เท่ากับการสร้างรายได้ สองช่องทางในเวลาเดียวกัน

สร้างแนวคิดวางแผนในการทำงานอย่างเหมาะสม  ในการทำเกษตรผสมผสานและไร่นาสวนผสม  ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม เมื่อเวลาลงมือทำไปแล้วจะพบว่า สอดคล้องเป็นไปตามที่คาดหวังไว้  เช่น  ปลูกผัก แต่ดันไปเลี้ยงไก่  แบบนี้ก็มีโอกาสที่ไก่จะจิกผลผลิตตายหมด  เป็นต้น การทำเกษตรในลักษณะที่ว่า จะช่วยให้รู้จักการวางแผนแบบเป็นขั้นตอน  เพื่อให้ผลผลิตออกมาตรงกับที่ต้องการมากที่สุดนั้นเอง

เกษตรผสมผสานและไร่นาสวนผสม ถือเป็นแนวทางดีๆที่จะช่วยให้เกษตรกรทุกคนลืมตาอ้าปากได้  เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์  แต่ยังมีรายได้เพิ่มเติมจากเคยมีแค่ทางเดียว  แล้วต้องไปหารับจ้างแบกหาม   แต่ได้อยู่บนพื้นดินตนเอง  ตื่นเช้ามาทำในสิ่งที่อยู่กับธรรมชาติ สร้างความสุขในชีวิตให้เกิดภายในครอบครัว  อีกทั้งยังเห็นการเติบโตของผลผลิต

ปัจจุบันอาชีพเกษตรกรรมยังมีความสำคัญกับประเทศเราอย่างต่อเนื่อง  เมื่อโลกเราพัฒนามากขึ้น  ความทันสมัยต่างๆ รวมถึงแนวคิดดีๆก็เกิดขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต และสร้างประโยชน์ให้กับบุคคลากรในอาชีพได้อย่างเห็นผล  เกษตรผสมผสานและไร่นาสวนผสมจึงถือเป็นอีกวิถีดีๆที่จะช่วยสร้างความคุ้มค่าให้กับเกษตรกรให้ใช้งานในพื้นที่เพาะปลูกตนเองได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

พระอธิการภูวนัยจิตตถาโร วัดบัวทรายทองได้ให้ข้อมูลว่า ชาวบ้านได้บริจาคมาครอบครัวละเล็กน้อยจนพอที่จะเทคานกำแพงรอบอุโบสถ ซึ่งทางวัดและชาวบ้านร่วมมือกันทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

ทางผู้ใหญ่บ้านสมใจ  มมประโคนก็ได้ร่วมกับชาวบ้านในการทำกิจกรรมสนับสนุนในการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการทำการเกษตร คือ ดินที่มีความเสื่อมโทรม ความสมบูรณ์ต่ำ จึงต้องพัฒนาคุณภาพของดิน

อื่นๆ

เมนู