แหล่งน้ำที่มีความจำเป็นในชุมชน/คนในชุมชนมีความต้องการใช้น้ำในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรอย่างไร
ข้าพนาย นราวิชญ์ ระวันประโคน ประเภทนักศึกษามหาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
น้ำ ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของโลก เราสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำได้จากแหล่งน้ำต่างๆ ทั้งจากน้ำผิวดิน เช่น แม่น้ำ ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ หรือน้ำใต้ดิน และจากการสำรวจพื้นผิวโลกทั้งหมด พบว่าพื้นที่ที่เป็นพื้นน้ำมีถึง 71% หรือประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของพื้นผิวโลกทั้งหมด ซึ่งแบ่งเป็นน้ำในทะเลและมหาสมุทรถึง 97.6% อีก 2.4% เป็นน้ำจืด (เป็นน้ำในแม่น้ำ ทะเลสาบ 0.02% น้ำใต้ดิน 0.5% ธารน้ำแข็ง 1.9% และน้ำในบรรยากาศ 0.0001%) น้ำผิวดินที่เป็นน้ำจืดที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้ จึงมีปริมาณน้อยมาก น้ำที่นำไปใช้ในการอุปโภคบริโภคเป็นน้ำจืดที่ได้มาจากแหล่งน้ำจืด 3 แหล่งใหญ่ ดังนี้
- น้ำผิวดิน เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม แหล่งน้ำจืดผิวดินที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำ ลำคลอง น้ำตก ลำธาร ห้วย หนอง บึงต่างๆ ทะเล ทะเลสาบ มหาสมุทร
- น้ำใต้ดิน
2.1) น้ำในดิน คือ น้ำที่เกิดจากการไหลซึมของน้ำฝน หรือน้ำจากผิวดินลงสู่ชั้นใต้ดินด้วยการซึมอยู่ในดินเหนือชั้นหิน ดินจะซับน้ำเอาไว้จนอิ่มตัว น้ำที่เกินจะซึมลงจนถึงชั้นหินที่กั้นน้ำส่วนใหญ่ไม่ให้ซึมผ่านลงไปได้ ดินเหนือชั้นหินจึงเต็มไปด้วยน้ำ น้ำที่อยู่ในดินนี้ เรียกว่า น้ำในดิน ระดับตอนบนสุดของน้ำเรียกว่า ระดับน้ำในดิน ซึ่งอยู่ลึกประมาณ 2-3 เมตร จากผิวดินลงไป น้ำในดินเป็นแหล่งน้ำที่พืชใช้ในการดำรงชีวิตและช่วยให้ดินชุ่มชื้น
2.2) น้ำบาดาล เป็นแหล่งน้ำจืดที่มีปริมาณมากที่สุดบนโลก อยู่ใต้ผิวดินต่ำกว่าน้ำในดินลงไป น้ำบาดาลเกิดจากน้ำจากแหล่งต่างๆ บนผิวดินรวมทั้งน้ำฝน ที่ไหลซึมลงไปในระดับที่ลึกกว่าระดับน้ำในดิน โดยผ่านลงไปในช่องว่างของชั้นหิน แล้วขังอยู่ในช่องว่างนั้น ระดับตอนบนสุดของน้ำบาดาล เรียกว่า ระดับน้ำบาดาล หินที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล เรียกว่า หินอุ้มน้ำ ซึ่งอยู่ในชั้นหินอุ้มน้ำที่ถูกรองรับด้วยชั้นหินกันน้ำทั้งด้านบนและด้านล่าง
- น้ำในบรรยากาศ
เป็นน้ำที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ มีทั้งสามสถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และในสถานะแก๊ส
แหล่งน้ำที่มีความจำเป็นในชุมชน คนในชุมชนมีความต้องการใช้น้ำในการประกอบอาชีพ ด้านการเกษตรอย่างไร
ในทุกชุมชนจะมีแหล่งน้ำของชุมชนเองอย่างน้อย 1 แห่ง เพื่อให้ประชาชนได้อุปโภคบริโภค ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชผักในการดำรงชีพและในการจำหน่ายสามารถสร้างเป็นอาชีพของคนในชุมชนได้ และในเรื่องของการทำการเกษตร สิ่งที่จะต้องมาควบคู่และต้องเตรียมให้พร้อมนั่นก็คือเรื่องน้ำ โดยมีคำกล่าวที่ว่าน้ำเปรียบเสมือนเป็นหัวใจหลักของการทำเกษตร เนื่องจากพืชจะต้องอาศัยน้ำในการเจริญเติบโต ทั้งยังมีส่วนช่วยนำสารอาหารในรูปแบบของสารละลายทั้งทางดินและทางใบไปเป็นอาหารของพืชอีกด้วย และที่มาของแหล่งน้ำในการนำน้ำเข้ามาใช้ในการทำเกษตรมีดังนี้
1.แหล่งน้ำจากธรรมชาติ
ในการใช้แหล่งน้ำจากธรรมชาตินี้ ถ้าคนในชุมชนมีที่ดินที่ติดห้วย หนอง คลอง บึง ถือว่ามีความโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่คนในชุมชนจะสามารถสูบน้ำขึ้นมาเพื่อทำการเพาะปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี ยิ่งถ้าติดบึงใหญ่หรือแม่น้ำก็จะการันตีได้ว่าจะมีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช
2.การเจาะน้ำบาดาล
การเจาะน้ำบาดาลเป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลาย ๆ คนในชุมชนเลือกใช้เมื่อไม่ได้มีที่ดินที่ติดกับแหล่งน้ำธรรมชาติ คนในชุมชนสามารถเลือกเจาะบริเวณไหนก็ได้เพื่อให้ตรงกับความต้องการกับกับพืชที่วางแผนที่จะปลูก การเจาะน้ำบาดาลจะทำให้มีน้ำใช้ตลอดปีและใช้พื้นที่ไม่มาก
3.การขุดสระ ขุดบ่อ
สำหรับการขุดสระจะต้องสละพื้นที่ส่วนหนึ่งในการขุดเป็นสระเพื่อกักเก็บน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่คนในชุมชนส่วนใหญ่พิจารณาเป็นทางเลือกสุดท้ายเนื่องจากจะต้องเสียพื้นที่เพาะปลูกออกไป แต่ข้อดีคือจะได้ดินขึ้นมาถมทำเป็นเนินสำหรับทำสิ่งปลูกสร้างหรือถมเป็นโคกสำหรับปลูกผักสวนครัวและไม้ยืนต้น เลี้ยงไก่เลี้ยงปลาทำศาลาริมน้ำ ที่สำคัญอากาศบริเวณนั้นจะเย็นสบายตลอดทั้งวันอีกด้วย
4.น้ำปะปา
น้ำปะปะเป็นตัวเลือกไว้สำหรับคนในชุมชนที่มีบ้านและที่ดินติดกับหมู่บ้านก็จะมีน้ำปะปาสำหรับใช้ในการทำเกษตร
5.น้ำฝน
ในการทำเกษตรน้ำฝนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน จะต้องดูทิศทางน้ำไหลน้ำเข้าน้ำออกในพื้นที่ เพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังเวลาฝนตกหรือจะต้องทำทางน้ำเพื่อระบายน้ำลงสระที่ขุดไว้ เมื่อถึงหน้าฝนก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำจากสระหรือบาดาล แต่ก็ต้องบริหารจัดการให้ดีในช่วงหน้าฝนเพื่อไม่ให้พืชเสียหาย และควรวางแผนปลูกพืชที่ไม่ชอบน้ำให้อยู่บริเวณที่สูงเพื่อให้น้ำระบายออกได้ทันและปลูกพืชที่ทนต่อน้ำขังได้ในระดับหนึงไว้บริเวณที่ลุ่ม ปลูกหญ้าแฝกไว้รอบบริเวณไร่เพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดินเนื่องจากน้ำกัดเซาะ ทำคูคันหรือร่องน้ำเพื่อให้สามารถระบายน้ำออกได้ทันเมื่อฝนตกหนัก ถ้ามีสระก็ทำทางน้ำเพื่อรับน้ำจากพื้นที่ของตนเองและน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่คนอื่น มีท่อระบายน้ำออกจากสระเมื่อน้ำมีความสูงในระดับที่ต้องการ หรืออาจจะทำทางน้ำไหลเข้าร่องพืชที่ปลูกไว้เพื่อให้ได้รับน้ำจากธรรมชาติอย่างเต็มที่และจะเป็นการประหยัดเวลาในการให้น้ำในแต่ละวันของตนเองอีกด้วย