ข้าพเจ้านางพนมวัน เชือนรัมย์ กลุ่มประชาชน ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ หลักสูตร ID08 โครงการยกระดับเศรษกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ชุมชนโนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด มีการปลูกกล้วยภายในบริเวณบ้านแทบทุกหลังคาเรือน ส่วนใหญ่ปลูกไว้รับประทาน และขายบ้างเป็นบางส่วน กล้วยที่นิยมปลูกคือ กล้วยน้ำหว้า
ประโยชน์ของ “กล้วย” และข้อควรระวัง
ของกล้วยๆ แต่ประโยชน์ไม่กล้วย และอาจเป็นโทษต่อร่างกายหากกินไม่ถูกวิธี
“กล้วย” นับเป็นผลไม้ที่อยู่คู่คนไทยมานาน เป็นทั้งอาหารเด็ก อาหารกลางวันนักเรียน ผลไม้ให้พลังงานนักกีฬา ของหวานของผู้ใหญ่ ไปจนถึงผลไม้นิ่มๆ เคี้ยวง่ายของผู้สูงอายุ นอกจากรสชาติอร่อยหวานหอมจนสามรถนำมารับประทานได้ทั้งแบบสดๆ และแปรรูปเป็นสารพัดขนมแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย
ประโยชน์ของ “กล้วย”
-
ลดระดับคอเลสเตอรอล
เนื่องจากกล้วยเป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหารอย่างพอเหมาะ จึงทำให้กล้วยมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้สูงเกินไป ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
-
ผลไม้ของคนอยากลดน้ำหนัก
กล้วย เป็นอาหารที่รับประทานแล้วอิ่มเร็ว อยู่ท้อง และให้พลังงานกับร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม กล้วยเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาล และยังไม่มีรายงานวิจัยไหนยืนยันว่าช่วยลดน้ำหนักได้ จึงควรบริโภคอย่างพอเหมาะ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
-
ควบคุมระดับความดันโลหิต
สารโพแทสเซียมที่พบในกล้วยจะช่วยให้ร่างกายขับโซเดียมออกมาทางปัสสาวะได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อระดับความดันโลหิตที่ลดลงตามไปด้วย
-
ลดอาการท้องเสีย
เส้นใยอาหารที่ย่อยง่ายของกล้วย ช่วยลดอาการท้องเสียได้ เพราะกล้วยมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ เป็นแหล่งอาหารของเหล่าจุลินทรีย์โปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่พบในลำไส้ ช่วยลดอาการท้องเสีย ที่เป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะบางชนิดได้ด้วย
-
แก้อาการท้องอืด
คาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ที่อยู่ในกล้วย ที่เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของจุลินทรีย์โปรไบโอติกในลำไส้ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงอาการท้องเสียแล้ว ยังรวมถึงปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย
-
ดีต่อสุขภาพคนโลหิตจาง
กล้วย มีธาตุเหล็กที่ดีต่อสุขภาพของคนที่มีอาการโลหิตจาง เพราะการเพิ่มธาตุเหล็กในร่างกายจะช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้วยจะช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้แต่อย่างใด
ข้อควรระวังในการกินกล้วย
กล้วย เป็นผลไม้ที่ให้พลังงาน เพราะมีน้ำตาลที่ร่างกายสามารถดึงพลังงานไปใช้ได้ในทันที เพราะกับการกินเพื่อให้พลังงานในการออกกำลังกาย ดังนั้นหากคิดจะกินกล้วยเพื่อการลดน้ำหนัก ควรควบคู่ไปด้วยกันกับการออกกำลังกายด้วย หากกินมากไป อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป และอาจอ้วนได้
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการกินกล้วยดิบ เพราะกล้วยดิบจะมีแป้งมาก ย่อยยาก ทำให้ท้องอืด และท้องผูก เพราะเส้นใยอาหาร (เพคติน) ในกล้วยที่อาจไปดูดซึมน้ำในลำไส้ เมื่อลำไส้ไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงกากอาหาร อุจจาระจึงแข็งตัวจนเกิดอาการท้องผูก
กล้วย ไม่ใช่อาหารเพื่อรักษาโรค ควรกินอย่างพอเหมาะในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายเป็นประจำ ผู้ป่วยเบาหวานและโรคประจำตัวอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณที่เหมาะสมในการกิน
การแปรรูปกล้วยด้วยวิธีต่างๆ
กล้วยทอด
ส่วนผสม กล้วยทอด
• กล้วยน้ำว้า 1 หวี
• แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย (แป้งโกกิ แป้งสาลีอเนกประสงค์ หรือแป้งข้าวเจ้า)
• กะทิ 1/2 ถ้วย
• น้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง หรือน้ำเย็นจัด 1/4 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
• มะพร้าวขูด 1 ถ้วย
• งาขาวคั่ว 1 ถ้วย
• น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1 ช้อนชา
• น้ำมันสำหรับทอด 2 ถ้วย
วิธีทำ
1. ใส่แป้งทอดกรอบลงในอ่างผสมใบใหญ่ เติมกะทิลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ใส่น้ำเปล่าลงไป (ในสูตรใส่น้ำอุณหภูมิห้อง แต่ถ้าเป็นน้ำเย็นจัดน่าจะกรอบกว่า) คน ๆ ให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
2. เติมน้ำตาลทรายแล้วคนอีกเรื่อย ๆ ให้น้ำตาลทรายละลาย ใส่มะพร้าวขูด ตามด้วยงาขาวคั่วไม่ต้องให้เหลืองมาก ผสมทุกอย่างให้เข้ากันจนส่วนผสมแป้งข้นนิด ๆ
3. ใส่น้ำปูนใสกับเกลือลงไป คนให้เข้ากัน (วิธีทำน้ำปูนใส คือ ใส่ปูนแดง 2 ช้อนโต๊ะ ลงในขวดแล้วก็เทน้ำใส่ลงไป ปิดฝาเขย่าให้ปูนละลาย แล้วก็ตั้งไว้ปล่อยให้ปูนแดงตกลงก้นขวด เอาน้ำใส ๆ มาทำอาหาร ส่วนน้ำปูนใสที่เหลือให้เก็บไว้อุณหภูมิห้องธรรมดาได้นาน)
4. นำกล้วยน้ำว้าฝานใส่ลงไปในส่วนผสมแป้ง 1 ลูกในสูตรฝานแค่ 3 ชิ้น
5. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางค่อนไปทางร้อน ใส่น้ำมันลงไป เอากล้วยชุบแป้งลงทอด คนตลอดเวลา ทอดจนกล้วยเหลืองกรอบตักขึ้น พักไว้บนกระดาษอเนกประสงค์ ใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ
กล้วยฉาบอบเนย
ส่วนผสม กล้วยฉาบอบเนย
- กล้วยน้ำว้าดิบ 1 หวี
- น้ำปูนใส (สำหรับแช่กล้วย)
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
- น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- เนยสดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกล้วยฉาบอบเนย
2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะพอให้ท่วมกล้วย ใส่กล้วยลงไปทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันและพักบนตะแกรง
3. ใส่น้ำกับน้ำตาลทรายลงในกระทะ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวข้น ใส่เนยเค็มลงไป คนให้เข้ากัน ปรับไฟให้อ่อนสุด เทกล้วยทอดกรอบลงไป คลุกจนเข้ากัน ปิดไฟ พักไว้จนเย็น นำใส่ภาชนะปิดอย่าให้อากาศเข้า
กล้วยฉาบเคลือบคาราเมล

ส่วนผสม กล้วยฉาบเคลือบคาราเมล
- กล้วยน้ำว้าดิบ 24 ลูก
- น้ำเย็นผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย (สำหรับแช่กล้วย)
- น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 80 กรัม
- แบะแซ 2 ช้อนชา
- วิปครีมชนิดจืด 50 กรัม
- เนยสดชนิดเค็ม 30 กรัม
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสุก 200 กรัม
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำกล้วยฉาบเคลือบคาราเมล
2. ฝานกล้วยเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วม้วนให้เป็นแท่งกลม วางเรียงใส่ถาด พักไว้ให้กล้วยหมาด ๆ
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่กล้วยลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วนำกล้วยที่ทอดชั่ง 300 กรัม
4. ใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี แบะแซ วิปครีม และเนยสดลงในภาชนะ ยกขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนส่วนผสมมีลักษณะข้น
5. ใส่กล้วยทอดกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป คลุกเคล้าเบา ๆ จนเข้ากันดี ยกลง พักไว้ให้เย็นสนิท บรรจุใส่ภาชนะ

1. กล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี
2. น้ำผึ้ง 100 มิลลิลิตร
3. น้ำอุ่น 30 มิลลิลิตร
4. เกลือ 20 กรัม
5. น้ำเปล่า 500 มิลลิลิต
2. นำกล้วยน้ำว้าที่ลวกแล้วมาทับด้วยเขียงเบา ๆ เตรียมไว้